เปิดตัวแล้ววันนี้ ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) ที่สุดของสวนสนุกแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่ครั้งนี้จับมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช จัดเวิร์คช็อปเชื้อเชิญเหล่าเซเลบริตี้ชั้นนำมาร่วมทำกิจกรรม กระชับความอบอุ่นภายในครอบครัว พร้อมแนะวิธีการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ

แม่และเด็ก

โดยปกติแล้วเด็กแต่ละช่วงวัยนั้นมีการพัฒนาบุคลิกภาพที่แตกต่างกันออกไป หากพ่อแม่มีความเข้าใจในพัฒนาการบุคลิกภาพของเด็กได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ ก็จะช่วยเสริมสร้างให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมเติบโตสมวัยได้เป็นอย่างดี ล่าสุด ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) สนามยิงปืนเลเซอร์แท็กแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่จำลองบรรยากาศการเล่นเกมอย่างเหนือจินตนาการ เปิดประสบการณ์ความสนุกและการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ได้อย่างไม่รู้จบ ได้จับมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช แพทย์หญิงดุจฤดีอภิวงศ์ มาร่วมแนะนำเคล็ดลับการดูแลเด็กในแต่ละช่วงวัย พร้อมแนะนำกิจกรรมกระชับความอบอุ่นภายในครอบครัว เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมเชื้อเชิญเซเลบริตี้ชื่อดังที่จูงมือลูกรักมาร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน อาทิ คู่แม่ลูก มาส- ศุภมาส และ เฮนรี่- ฐิติวัฒน์ ลักษณวิศิษฏ์ พร้อมด้วยครอบครับของดีไซน์เนอร์สาว นิดหน่อย- ขนิษฐา ดรุณเนตร ที่ควงคู่มากับสามี สุเมธ และลูกชาย ตินติน- ติณห์ ปัจจุทธรณ์ ที่สนามยิงปืน ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณโซนฟอรั่ม ชั้น 2

‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) สนามยิงปืนเลเซอร์รูปแบบใหม่ ที่ออกแบบเพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับบรรยากาศห้วงอวกาศในรูปแบบของสนามรบเลเซอร์สุดล้ำสมัยที่เต็มไปด้วยแสง สี และเสียง ท่ามกลางสงครามกาแล็กซี่ที่จะช่วยฝึกให้เด็กรู้จักการสังเกต การระวังตัว และการใช้สายตาในที่มืด ประกอบกับอุปกรณ์รุ่นใหม่ทั้งเสื้อเกราะเรืองแสงและปืนเลเซอร์ที่ไม่เป็นอันตรายภายใต้การนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งภายในสนามยังมีอุปกรณ์กันกระแทกในทุกพื้นที่ พร้อมเพิ่มความสนุกด้วยรูปแบบเกมที่ถูกวางแผนมาอย่างเข้มข้น ให้เด็กๆ ทุกคนสามารถสนุกได้อย่างเหนือจินตนาการ โดยผู้ที่สามารถเข้าเล่นกิจกรรมนี้ได้จะต้องมีความสูง 110 เซนติเมตรขึ้นไป หรือสามารถรับน้ำหนักของเสื้อเกราะได้

ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช แพทย์หญิงดุจฤดีอภิวงศ์ ได้แนะนำเคล็ดลับการดูแลเด็กในแต่ละช่วงวัย พร้อมแนะนำกิจกรรมกระชับความอบอุ่นภายในครอบครัวให้แก่ครอบครัวเหล่าเซเลบริตี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า ‘โดยปกติแล้วพฤติกรรมของเด็กจะเริ่มแสดงออกเด่นชัดที่วัย 3 ขวบหรือที่เราเรียกว่าวัยเตาะแตะ ซึ่งเป็นวัยที่พ่อแม่ต้องส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่น ให้อิสระลูกในการวิ่งเล่นสำรวจสิ่งต่างๆ ภายใต้การดูแลของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด และไม่ควรปล่อยให้เด็กเล่นหรือทำกิจกรรมใดๆ เพียงลำพัง จนทำให้เด็กรู้สึกโดดเดี่ยว หรือถูกทอดทิ้ง เพราะในช่วงนี้สามารถทำให้เด็กเกิดความวิตกกังวลจากการพรากจากได้ (Separation anxiety) ถัดมาที่วัย 3 - 5 ขวบ เป็นวัยก่อนเข้าโรงเรียน เด็กๆ เริ่มมีจินตนาการเล่นบทบาทสมมุติ มีพัฒนาทางด้านร่างกายมากขึ้นทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่จากการลุก นั่ง เดิน และวิ่งเล่น และกล้ามเนื้อมัดเล็กจากการเล่นพวกการปั้นดินน้ำมัน เล่นของเล่น หยิบจับ ในช่วงวัยนี้พ่อแม่สามารถส่งเสริมในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เด็กได้ ผ่านกิจกรรมเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน หรือคอยสอนเด็กๆ อยู่เสมอ ต่อมาที่วัย 5 ขวบขึ้นไป เป็นวัยที่เริ่มเข้าชั้นเรียน มีการพัฒนาด้านสมองผ่านการเรียนรู้ในห้องเรียน ทั้งด้านภาษา สมาธิ รวมทั้งพัฒนาการด้านร่างกายผ่านการวิ่งเล่น ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมในชั้นเรียน ซึ่งช่วงวัยนี้พ่อแม่สามารถส่งเสริมเรื่องระเบียบวินัย ผ่านกิจกรรมที่ทำภายในบ้าน อย่างการให้เด็กทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง หรือมอบหมายหน้าที่ให้ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รวมทั้งเสริมกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้เข้าสังคม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเด็กติดพ่อแม่จนเกินไป ปิดท้ายที่ช่วงอายุ12 ปีขึ้นไป หรือเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของลักษณะทางร่างกายทั้งชายและหญิง ซึ่งในวัยนี้พ่อแม่ควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเพศ เพราะเด็กมักจะมีคำถามและไม่กล้าถามตรงๆ ทำให้เกิดความอยากรู้อยากลองขึ้น ให้คุณพ่อแม่ทำความเข้าใจและสอนบทบาทของหน้าที่ทางเพศให้เด็กได้เข้าใจ และต้องคอยส่งเสริมการทำกิจกรรมที่เด็กรู้สึกสนใจ ไม่ว่าจะด้านศิลปะ วิทยาการ หรือกีฬา โดยไม่ทำให้เด็กรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่สนใจ และไม่ควรควบคุมหรือบีบบังคับมากจนเกินไป จะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกอึดอัด เพราะการที่พ่อแม่ดูแล เอาใจใส่ลูกตั้งแต่วัยเด็กจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันของลูกเมื่อเด็กเติบโตขึ้น พ่อแม่ต้องพยายามปรับความเข้าใจต่อลูกเสมอว่าตามแต่ละช่วงวัยเด็กมีพฤติกรรมแบบไหน ควรดูแล ส่งเสริม และห้ามปรามเขาอย่างไร สิ่งสำคัญคือการสนับสนุนลูกในทางที่ดี พ่อแม่ไม่ควรคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของลูกและบังคับให้ลูกทำตามความต้องการของตัวเอง เพื่อให้เด็กรู้สึกอบอุ่นใจ สบายใจ เวลามีปัญหาก็จะกล้าที่จะปรึกษาพ่อแม่มากขึ้น และควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก เพราะเด็กสามารถเรียนรู้และซึมซับได้จากคนใกล้ชิด

ด้านบรรยากาศการทำกิจกรรมเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เหล่าครอบครัวเซเลบริตี้ต่างร่วมแบ่งปันเทคนิคการเลี้ยงลูก พร้อมเผยเคล็ดลับกระชับความพันธ์ครอบครัว เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้และการเติบโตของลูกให้มีคุณภาพ เริ่มที่ครอบครัวเซเลบริตี้คุณแม่ยังสวย มาส- ศุภมาส ลักษณวิศิษฏ์ ที่มาพร้อมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เผยว่า เรามีลูก 2 คนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จะเลี้ยงลูกโดยใช้แนวคิดที่ว่าเลี้ยงลูกสาวแบบแจกัน ที่ต้องดูแล ทะนุถนอม และเลี้ยงลูกชายแบบตีกลอง ถึงแม้ไม่ได้ตีแต่เราก็จะสอนให้เขาสู้และเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยขาดเลยคือชมลูกอยู่เสมอ จะไม่ค่อยดุด่าลูก เพราะเราจะเตือนเขาไว้ก่อนทุกครั้งที่จะลงมือทำอะไร อย่างตอนนี้น้องเฮนรี่อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นช่วงก้าวเข้าสู่วัยรุ่น จากปกติที่ติดแม่มาก ก็เริ่มเข้าสังคมคบเพื่อน และมีติดเพื่อนบ้าง ซึ่งเราก็กลัวอยู่บ้างว่าเขาเองจะมีพฤติกรรมหรือความคิดที่เปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็จะไม่ได้บีบบังคับให้เขาทำตามคำสั่งหรืออย่างไร โดยจะเน้นเป็นการสอนให้เขารู้หน้าที่ของตัวเองเสียมากกว่า อย่างเลิกเรียน กลับถึงบ้านก็จะต้องทำการบ้านด้วยตัวเองให้เสร็จ หลังจากนั้นเขาจะทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เขาชอบ จะเที่ยวกับเพื่อนหรือเล่นเกม พ่อแม่ทุกคนต้องมีเวลาให้กับลูกไม่ว่าจะทำงานขนาดไหน ซึ่งเราจะหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกันทั้งครอบครัวเป็นประจำ ทั้งออกไปหาของอร่อยทาน หรือสอนเขาเล่นกีฬา เพราะเฮนรี่จะไม่ค่อยถนัดด้านกีฬาเลย ก็จะสอนให้เขาเล่นในท่าที่ถูกต้อง ทำตามกฎกติกาเกม รวมถึงกิจกรรมวันนี้ที่ได้มาเล่นเลเซอร์ แท็กกับเขาก็สนุกและได้เหงื่อมากน่าจะถูกใจเด็กๆที่กำลังเป็นวัยรุ่น’ นอกจากนี้ลูกชาย เฮนรี่- ฐิติวัฒน์ ลักษณวิศิษฏ์ ยังเสริมว่า กิจกรรมวันนี้สนุกมากครับ ต้องมีสมาธิตั้งแต่เริ่มเกมจนจบเกม ต้องอาศัยทักษะไหวพริบในการเล่น และที่สำคัญได้ใช้เวลากับคุณแม่ ช่วงนี้บ้านเราก็มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันบ่อยมาก ทั้งเล่นเกมด้วยกันและเล่นกีฬา ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ครอบครัวเรามีความใกล้ชิดและสนิทสนมกันมากขึ้น’

ด้านดีไซเนอร์สาวสวย นิดหน่อย- ขนิษฐา ดรุณเนตร ที่มาพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว เล่าว่า ‘ปัจจุบันน้องตินติน อายุ 10 ขวบ โดยปกติน้องเป็นคนที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยดื้อ และเขาก็จะรู้ในหน้าที่ของตัวเองดีว่าเวลาไหนควรเล่น เวลาไหนที่ต้องเรียน เพราะเราจะสอนเขาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ปกติน้องตินตินเป็นคนที่มีบุคลิกที่สนุกสนาน อารมณ์ดี เพราะตอนที่ยังเล็ก เราดูแลเอาใจใส่เขาตลอด ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง และให้อิสระทางความคิด ได้เลือกเล่นหรือทำกิจกรรมที่เขารัก อย่างการเล่นเปียโน อย่างบางครั้งที่เขามีปัญหาหรือทำอะไรผิด เราจะพยายามไม่ด่าหรือลงโทษอย่างรุนแรง แต่จะเป็นการตักเตือนและอธิบายด้วยเหตุผล พร้อมสอนเขาว่าทำไมถึงผิดและไม่ควรทำเช่นนั้น เขาก็จะเข้าใจและปรับตัวได้ เราพยายามเป็นพ่อแม่ที่เสมือนเป็นเพื่อนของลูก เวลาเขาเจอปัญหาหรือมีคำถาม เขาก็กล้าและเปิดใจมากขึ้น เทคนิคการเลี้ยงลูกสไตล์เราคือ เอาใจใส่ลูกในทุกๆด้าน หากรู้ว่าลูกมีจุดเด่นจุดด้อยยังไง ก็ต้องพยายามช่วยพัฒนาจุดด้วยและเสริมจุดเด่นของเขาให้มากขึ้น และไม่ควรบีบบังคับ แต่ควรให้อิสระ เรามีหน้าที่แนะนำแนวทางและปล่อยให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาด้วยตัวเอง ส่วนเคล็ดลับการสร้างความอบอุ่นในครอบครัวคือเราจะหมั่นหากิจกรรมมาทำร่วมกันตลอด โดยจะมีหนึ่งวันคือวันอาทิตย์เป็นครอบครัวที่ทุกคนจะต้องมาอยู่รวมกันพร้อมหน้า หากิจกรรมทำร่วมกัน ทั้งทานข้าว ออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายรอบหมู่บ้านด้วยกัน เพื่อส่งเสริมสุขภาพของทุกคน อย่างการมาเล่นเลเซอร์ แท็กด้วยกันวันนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขและเด็กๆก็สนุกไปด้วย

ร่วมเปิดประสบการณ์ความสุขและความสนุกของเด็กๆ ได้แล้ววันนี้ที่ ‘เพลย์สแควร์ เลเซอร์ แท็ก’ (Playsquare Laser Tag) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โซน Forum ชั้น 2 โดยสำหรับการเข้าเล่นเริ่มต้นที่เกมละ 350 บาท สามารถเล่นได้ 15 นาที สูงสุด 24 คน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง โทร.02-103-2499 เวลาเปิดทำการ 11.00 น. - 20.00 น. ทุกวัน

เบอร์โทร : 096-947-4393
  • ผู้โพสต์ :
    Gitt
  • อัพเดทเมื่อ :
    10 เม.ย. 2019 21:29:22

ลงข่าวประชาสัมพันธ์ ฟรี คลิกที่นี่

 

X

เว็บไซต์เรามีการใช้คุกกี้ คลิกเพื่อดู นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา