ภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับสภาวะถดถอย อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 “ธุรกิจโรงไฟฟ้า” กลับเป็นธุรกิจหนึ่งที่นอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แล้ว ยังเติบโตสวนกระแสอีกด้วย เนื่องจากชีวิตประจำวันของมนุษย์ยุคปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่กระแสความนิยมใช้พลังงานหมุนเวียนแทนที่พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมีการเติบโตในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายภาครัฐเองส่งเสริมให้เอกชนทำธุรกิจโรงฟ้ามากขึ้น ตามแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ปี พ.ศ.2558-2579 ส่งผลให้ธุรกิจไฟฟ้ากลายเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซาจากพิษโควิด-19 อย่างเห็นได้ชัด
บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS ถือเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพลังงานและพลังงานหมุนเวียนที่มีชื่อยืนหยัดอยู่ในวงการมายาวนานกว่า 30 ปี ปัจจุบัน NPS มีโรงไฟฟ้าทั้งหมด 10 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้ากว่า 700 เมกกะวัตต์ และรายได้รวมมากกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท วันนี้เราจะมาบอกเล่าเหตุผลที่ทำให้ NPS เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคง และน่าลงทุน
1. มีรายได้แน่นอน เพราะมีลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน
เกณฑ์วัดความมั่นคงของธุรกิจโรงไฟฟ้าว่ามีความมั่นคงทางรายได้หรือไม่ คือ “การมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบระยะยาว (Firm Contract) กับภาครัฐ” ซึ่ง NPS เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับภาครัฐ รวมถึงมีการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับกลุ่มลูกค้าในสวนอุตสาหกรรม 304 อีกไม่น้อยกว่าร้อยราย ที่สำคัญคือมีแนวโน้มที่ลูกค้าบางส่วนจะขอเพิ่มปริมาณการใช้ไฟมากขึ้นด้วย ฐานลูกค้าเหล่านี้ถือเป็นจุดแข็งที่สร้างความยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาวให้กับ NPS ได้เป็นอย่างดี
2. มีการวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงชีวมวลชนิดใหม่อย่างต่อเนื่อง
โรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นธุรกิจที่มีความยากในการบริหารจัดการวัตถุดิบและเชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงการลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลหลายๆ โรงเพื่อลดปัญหาดังกล่าว NPS จึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจอยู่เสมอ โดยบริษัทมีการจัดตั้งหน่วยวิเคราะห์และพัฒนาเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อสนับสนุนให้เกิดเสถียรภาพในการจัดหาเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น โครงการใช้ไม้สับและรากไม้ซึ่งมีค่าความร้อนสูงเป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ลดการใช้ใยมะพร้าวและทลายปาล์มที่มีค่าความร้อนต่ำลงได้มาก ทั้งนี้ในส่วนของผู้ค้าเชื้อเพลิง NPS ก็มีคู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัทมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เนื่องจาก NPS มีระบบการตรวจรับสินค้าที่โปร่งใสและการชำระเงินที่รวดเร็ว ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารต้นทุน และไม่หยุดที่จะแสวงหาศักยภาพใหม่ๆ จากสิ่งที่มีอยู่ เพื่อเปิดโอกาสและสร้างธุรกิจใหม่ให้กับ NPS ต่อไปในอนาคต
3. มีการปรับตัวพร้อมรองรับกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
Digital Disruption เป็นปัญหาอย่างมากกับหลายธุรกิจ แต่ไม่ใช่กับ NPS เพราะในช่วงปี 2561-2563 NPS ได้เปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาส โดยการจัดโครงการบริหารงานภายใน และทำ Digital Transformation กับระบบงานขององค์กรทั้งหมด มีการนำ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ จัดตั้งศูนย์บัญชาการ (Control Center) และเลือกทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องมาพิจารณาตัดสินใจในสิ่งที่ตนเองถนัดที่สุดเพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารจัดการ นำระบบ Predictive Maintenance มาใช้ในการวางแผนซ่อมบำรุงเพื่อช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ส่งผลให้ NPS มีระบบการทำงานที่ดีขึ้น ลดความซ้ำซ้อนของขั้นตอนต่างๆ สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้เป็นจำนวนมาก และยังมีความพร้อมรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
4. ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชน
NPS เน้นการส่งเสริมปลูกพืชพลังงานแก่เกษตรกรในพื้นที่เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน และเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรในการบริหารการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในชุมชน ด้วยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าภายใต้แนวคิดสร้างอาชีพ ให้การศึกษา ดูแลสุขภาพ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเลือกใช้เทคโนโลยีเตาเผาแบบหมุนเวียน CFB (Circulating Fluidized Bed) ซึ่งมีระบบการเผาไหม้เชื้อเพลิงแบบสมบูรณ์ ช่วยลดและกำจัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โดยเถ้าที่ได้หลังกระบวนการเผาไหม้ยังถูกนำไปผลิตปูนซีเมนต์จึงไม่มีของเหลือทิ้ง ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ยึดมั่นอยู่เสมอส่งผลให้ NPS ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณด้านธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย
เหตุผลทั้ง 4 ประการถือเป็นเครื่องยืนยันถึงการเป็นหนึ่งในผู้นำวงการโรงไฟฟ้าชีวมวล และยังเป็นสิ่งบ่งชี้สำคัญอีกด้วยว่า เหตุใด NPS จึงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจผ่านหุ้นกู้อยู่เป็นประจำ และหุ้นกู้ทุกชุดก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะนอกจากนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ การได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งจากการที่ทริสเรทติ้งได้เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ NPS จากระดับ BBB- เป็น BBB อันสะท้อนถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นโดยตลอดแบบไม่สนกระแสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทำเศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาอยู่ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาช่องทางการลงทุนในโรงไฟฟ้า NPS มีแผนเปิดขายหุ้นกู้ในปีนี้ เตรียมความพร้อมศึกษาข้อมูลเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการลงทุนเอาไว้ได้เลย