Thailand 4.0 เป็นโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่อให้เกิดศักยภาพที่สูงขึ้น และสะดวกปลอดภัยขึ้นตามไปด้วย และถึงคราวที่ “ตลาดนัดจตุจักร” หรือที่เรียกกันติดปากขาชอปทั้งไทยเทศว่า “เจเจมาร์เก็ต” จะปรับตัวก้าวสู่การเป็น “ตลาดนัดจตุจักร ยุค 4.0” อาทิเช่น
- เปิดฟรี Wi-Fi ในพื้นที่ตลาดจตุจักร
- สร้างแอพอำนวยความสะดวกผู้ค้า-นักชอป
- ใช้ QR Code ชอปสะดวก ไม่ต้องใช้เงินสด
- เร่งปรับภูมิทัศน์ตลาดจตุจักรใหม่
ผศ. ดร. ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน ประธานกรรมการบริหารพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
“นี่เป็นการพัฒนาตลาดนัดตุจักรแบบก้าวกระโดด นอกจากจะปรับภูมิทัศน์ ทำโลโก้ของ ตัวเอง ซ่อมแซมเรื่องของพื้นที่ ร้านค้า ประตูเสีย หลังคารั่ว ต้นไม้ ห้องน้ำ ทำซุ้มประตูใหม่ ยังเป็นการปรับตัวก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการ SMEs และร้านค้าโอท็อป มากมาย จึงคิดช่องทางให้ผู้ค้าได้โปรโมทสินค้าไทย เท่ากับเราเอาสินค้าแบกับดินขึ้นกลางอากาศ ขึ้นออนไลน์ให้ทั่วโลกได้เห็น เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้ผู้ค้า และทำแอพให้ลูกค้าได้ดูก่อนที่จะถึงตลาด แก้ปัญหาเรื่องหาร้านค้าไม่เจอ ไม่ต้องพกเงินสดและที่นี่จะเป็นทั้งแลนด์มาร์กใหม่ เป็นตลาดยุคดิจิทัลที่จะพัฒนาไม่มีสิ้นสุด ขณะเดียวกันก็ยังคงเสน่ห์ของตลาดแบบเดิมไว้”
เป็นต้น (ที่มา : http://www.bltbangkok.com/News/)
แน่นอนว่าดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่เมื่อไม่นานมานี้!!!!
เหล่าพ่อค้าแม่ค้าถึงกับต้องกุมขมับเมื่อตลาดนัดจตุจักรกำลังมีนโยบายให้มีการเอารถเข้ามาจอดภายในตลาดรอบนอกซึ่งเป็นบริเวณที่ชาวต่าวชาตินิยมมาเดินเล่นดูสินค้าต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่เดิมมีการเปิดให้นำรถเข้ามาจอดได้ 2 ช่วงเวลา นั้นคือ ช่วงเช้า (05:00-12:00น.) และช่วงเย็น (18:00-19:00น.) เท่านั้น เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาลงที่ร้านและจัดเตรียมร้าน เพราะหลังจากนี้จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหล่กันเข้ามาจากทั่วสารทิศ อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นอาทิ
1 นักท่องเที่ยวต้องค่อยระวังรถทั้งที่เป็นพื้นที่โซนตลาดนัด: คงไม่ต่างอะไรกับการที่เรากำลังเดินอยูบนฟุตบาทแล้วต้องค่อยหลบรถมอไซค์
2 ปัญหาการขโมยรถเกิดขึ้น: โดยปกติแล้วตลาดนัดจตุจักรยังคงมีมิจฉาชีพ และยังมีผู้เสียหายจากการโดยขโมยของระหว่างเดินเลือกซื้อสินค้ามาโดยตลอดทางตลาดทำได้เพียงแค่ เพิ่มมารตการ การเฝ้าระวังและการประกาศเตือนนักท่องเที่ยวเท่สนั้น
3 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากท่อไอเสียรถมากขึ้น: ยังไม่นับกับรถที่จอดแช่พร้อมสตารท์รถทิ้งไว้ การยกร้านค้าหนีจากก๊าซเสียเหล่านี้ไม่ใช้เรื่องง่าย
4 บดบังทัศนียภาพร้านค้า 2 ข้างทาง:ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ขึ้นชื่อของตลาดนัดจตุจักรที่กำลังหายไปด้วยเช่นกัน
5 รายได้ของพ่อค้าแม่ค้าลดน้อยลง:คงไม่มีใครอยากเดินเลือกสินค้าที่ต้องเสี่ยงกับการถูกรถเฉี่ยวชน
นี้เป็นเพียวปัญหาบางส่วนที่ได้รับผลกระทบทันทีหลังจากมีคำสั้งอนุมัติให้สามารถนำรถเข้ามาจอดภายในตลาดได้
คำถามชวนคิด?
แล้วเหตุใดเหล่า ทางโครงการจึงมีคำสั้งอนุมัติให้นำรถเข้ามาจอดทั้งที่เป็นผู้ประกาศสู่คนทั่วไปว่าต้องการปรับภูมิทัศน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเข้ามาสู้ตลาด จากเมื่อปี 2557 ทางผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเป็นผู้ประกาศอย่างหนักแน่น แต่มาวันนี้เห็นที่กลับลำ นั้นหมายถึงว่า ที่กล่าวอ้างว่า จตุจักรกำลังจะเปลี่ยนไป!!! คงจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่อย่างนั้นนะหรือ
คงจะดีกว่านี้หากโครงการหยุดฟังเสียพ่อค้าแม่ค้าและเป็นห่วงผลกระทบที่จะได้รับกลับมาและมั่นใจว่านโยบายที่คิดขึ้นมามันตอบโจทย์และเป็นไปดั่งที่เคยประกาศเอาไว้จริงและไม่มีผลเสียใดใดกลับมา