เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแผนการที่จะให้ประชาชนลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงและฝังไมโครชิพทุกตัวเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการระบุตัวตนสัตว์ ถึงข้อควรกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและอาจเป็นวิธิควบคุมสัตว์จรจัดที่ไม่ยั่งยืน
นางสาวลูอีซ โรส ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยกล่าวว่าถึงแม้การลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงจะเป็นประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเพราะหากการลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงต้องมีค่าใช้จ่าย ผู้ที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการรับเลี้ยงสุนัขและแมวจรมีแนวโน้มที่จะทิ้งสัตว์เหล่านั้นมากกว่าที่จะจ่ายเงินเพื่อลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงกล่าวคือกระบวนการนี้จะทำให้มีสัตว์ถูกทอดทิ้งมากขึ้น และเพิ่มจำนวนสัตว์จรจัดในประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเพราะเป็นการกระตุ้นให้ผู้เลี้ยงมีความรับผิดชอบมากขึ้นแต่สุนัขจรจัดที่มีแต่เดิมอยู่แล้วนั้นมีแต่จะขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
กรมปศุสัตว์ได้บันทึกสถิติของจำนวนสุนัขและแมวจรจัดในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2560 อยู่ที่ประมาณ 860,000 ตัว ซึ่งมูลนิธิเชื่ออย่างยิ่งว่าจำนวนในขณะนี้น่าจะมากถึง 10 เท่า หรือราวๆ 8,600,000 ตัว โดยวิธิที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการควบคุมประชากรสัตว์จรจัดเหล่านี้ในระยะยาว คือการทำโครงการ CNVR ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนได้แก่จับทำหมันฉีดวัคซีน และปล่อยกลับสู่ถิ่นเดิม ซึ่งมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยได้ยึดถือหลักการนี้และปฏิบัติมาต่อเนื่อง 16 ปี
นายสัตวแพทย์ ตันติกร รุ่งพัฒนะผู้อำนวยการสวัสดิภาพสัตว์มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยกรุงเทพฯ กล่าวว่า มูลนิธิได้ดูแลทำหมันและฉีดวัคซีนสุนัขและแมวจรจัดมากว่า 350,000 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสุนัขกว่า 150,000 ตัวเป็นจำนวนแค่ในกรุงเทพที่เดียว สัตว์พวกนี้จะไม่สามารถขยายพันธุ์อีกได้ พร้อมฉีดยาป้องกันโรคติดต่อต่างๆในสุนัขและแมว เช่น โรคพิษสุนัขบ้า จึงสามารถอยู่ร่วมกับคนในชุมชนได้ซึ่งมูลนิธิได้พิสูจน์แล้วว่า CNVR เป็นวิธิที่ได้ผล เช่นจังหวัดภูเก็ตเมื่อปีพ.ศ. 2548มีสุนัขจรจัดประมาณ 80,000 ตัวรอบเกาะ ในปัจจุบันนี้มีจำนวนน้อยลงกว่า 10 เท่า และพบว่าสุนัขมีสุขภาพดี สมบูรณ์
การลดจำนวนของสุนัขจรจัดลงอย่างมหาศาลนี้เป็นผลมาจากการที่สุนัขได้รับการทำหมันการแพร่พันธุ์จึงลดลงตามลำดับซึ่งมีปศุสัตว์จังหวัดในหลายพื้นที่เห็นด้วยและให้การสนับสนุนกับกระบวนการ CNVR ถึงเวลาที่ต้องผลักดันให้ CNVRนี้เป็นวาระสำคัญระดับชาติ และรัฐบาลควรเล็งเห็นถึงความสำคัญ ดังนั้น มูลนิธิจึงร้องขอให้กรมปศุสัตว์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนการวางแผนขับเคลื่อนการลงทะเบียนสัตว์เลี้ยง และพิจารณางบประมาณในการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดในระยะยาวซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ด้วยวิธิการ CNVR