ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) อยู่ในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจำนวนมาก นอกเหนือจากการรักษากระแสเงินสดให้เคลื่อนไหวแม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์หลายครั้งและซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ยังต้องตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรที่มุ่งร้ายทางออนไลน์อีกด้วย
จากการสำรวจ IT Security Economics 2020 ของแคสเปอร์สกี้พบว่า SMB (บริษัทที่มีพนักงาน 50 ถึง 999 คน) จำนวนมากกว่าหนึ่งในสาม (37%) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยอมรับว่าเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์แบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 33% อยู่ 4%
การโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายเป็นความเสี่ยงที่อันตรายที่สุดต่อระบบของธุรกิจ เป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งโจมตี บริษัทหรือเครือข่ายแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยปกติการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายมีหลายขั้นตอน ภัยคุกคามที่ซับซ้อนประเภทนี้ตรวจจับได้ยากมาก
นายโยว เซียง เทียง ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของแคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ในขณะที่เจ้าของหลายคนยังคงคิดว่าธุรกิจที่ต่ำต้อยของเขายังห่างไกลจากเรดาร์ของอาชญากรไซเบอร์ แต่ข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจของเราก็ได้เปิดเผยภาพที่แตกต่างออกไป ผู้ที่ประสงค์ร้ายส่วนใหญ่มักเป็นนักฉวยโอกาส องค์กรขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ทำให้ SMB เป็นเป้าหมายที่ง่าย โดยเฉลี่ยแล้วการโจมตี SMB ที่ประสบความสำเร็จอาจมีค่าเสียหายโดยเฉลี่ยที่ 130,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว”
การศึกษาจัดทำขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยสำรวจมีผู้มีอำนาจตัดสินใจทางธุรกิจไอที 5,266 รายจาก 31 ประเทศเปิดเผยช่องโหว่ที่เรียกร้องให้มีการยกเครื่องอย่างเร่งด่วน SMB จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ (66%) ยอมรับว่าขาดทัศนวิสัยด้านโครงสร้างพื้นฐานและไม่สามารถตรวจจับภัยคุกคามที่ร้ายแรงท่ามกลางการแจ้งเตือนมากมาย (64%)
นอกเหนือจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 7 ใน 10 (66%) เปิดเผยว่าขาดเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่มีทักษะในการตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ซับซ้อน เกือบสองในสาม (64%) ยังยอมรับว่าไม่สามารถตอบสนองและจัดการได้อย่างเหมาะสมหลังจากการโจมตีที่ซับซ้อน และ 58% ระบุว่ายังไม่มีข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ธุรกิจของตนเผชิญ
นายโยวกล่าวเสริมว่า “เป็นที่ชัดเจนว่ามีสองส่วนที่ SMB กลุ่มนี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ส่วนแรกคือ การเห็นภัยคุกคามที่ซับซ้อนเพื่อระบุตัว รวมถึงการโจมตีที่ซับซ้อนที่สุด และส่วนที่สองคือ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ชาญฉลาด แคสเปอร์สกี้ได้สร้างการตรวจจับและตอบสนองอัตโนมัติสำหรับเอ็นด์พอยต์ที่ใช้งานง่าย ซึ่งสามารถให้การป้องกัน SMB ได้ในระดับองค์กร โดยไม่กระทบเงินในกระเป๋า”
Kaspersky Endpoint Detection and Response Optimum เปิดตัวในปี 2020 ช่วยให้ SMB สามารถใช้ได้ในสถานการณ์การตรวจจับและตอบสนองปลายทาง (EDR) พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับบริษัทต่างๆ มากมาย และยังให้ทัศนวิสัยโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการตรวจสอบเหตุการณ์และความสามารถในการตอบสนอง ความสามารถข้างต้นเหล่านี้ช่วยให้โซลูชันสามารถระบุต้นตอของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ประเมินขนาดที่แท้จริงและแหล่งที่มาของการโจมตี และตอบสนองอัตโนมัติในทุกเวิร์กสเตชัน ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายและทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความต่อเนื่อง
คุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราคือใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญระดับสูงของผู้ใช้ และเนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติขั้นสูงจึงต้องการความเอาใจใส่และการบำรุงรักษาตามปกติน้อยกว่าที่คุณคาดหวังจากโซลูชันความปลอดภัยระดับ EDR องค์ประกอบสำคัญเหล่านี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถเริ่มสร้างการป้องกันภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากหรือปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด
เมื่อตระหนักถึงความท้าทายทางการเงินที่ SMB ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญ แคสเปอร์สกี้ขอมอบข้อเสนอส่วนลดเบื้องต้นสำหรับโซลูชัน Kaspersky Endpoint Detection and Response Optimum สำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันที่ใช้ได้กับโหนดจำนวน 10-999 โหนดทั่วทั้งภูมิภาคจนถึงเดือนธันวาคม 2020
• เบส 1 ปี, Crossgrade: ส่วนลด 30%
• เบส 3 ปี Crossgrade: ส่วนลด 50%
• ตัวเลือก Add-On สำหรับ 1 และ 3 ปี: ส่วนลด 50%
บริษัทที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นได้ที่ https://kas.pr/56ne