จากการศิกษาจากแอมดอกซ์เผยผู้ให้บริการในระบบ Pay TV มองหาโครงสร้างและโซลูชั่นทางเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อก้าวเข้าสูระบบ on-demand video
กรุงเทพ, ประเทศไทย- 8 ธันวาคม 2560 – แอมดอกซ์ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการชั้นนำสำหรับบริษัทด้านสื่อ เผยผลสำรวจระดับโลกเกี่ยวกับผู้ให้บริการระบบ Pay TV จำนวนกว่า 17 ราย ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากกว่า 100 ล้านราย ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่าการบริโภคเนื้อหาสือโทรทัศน์มีเปลี่ยนอย่างรวดเร็จจากโปรแกรมโทรทัศน์ทั่วไปสู่ระบบ Video on Demand
จากแบบสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย คาเกน (Kagan) สถาบันงานวิจัยทางด้านสื่อของ S&P Global Market Intelligence พบว่า ผู้ให้บริการระบบ Pay TV มีการร่วมมือกับผู้ให้บริการเนื้อหารายอื่นเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้ชมและเปิดโอกาสทางช่องทางธุรกิจแบบใหม่ เช่น การแบ่งรายได้กับผู้ให้บริการผู้สร้างเนื้อหา และการเรียกเก็บค่าบริการแบบ pay-per-use model สำหรับ non-subscribers
จากการสำรวจพบว่าผู้ให้บริการระบบ Pay TV ทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาจากผู้ให้บริการสื่อสารและแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ OTT ซึ่งผู้ให้บริการ Pay TV จะต้องตระหนักถึงเทรนด์ของตลาดและการตอบสนองความต้องการ ด้วยการค้นหาวิธีการขยายการให้บริการและการสร้างรายได้จาก non-subscribers เช่น เนื้อหาประเภทมีโฆษณาบนระบบ OTT โดยสนับสนุนเนื้อหาประเภท pay-per-use บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับผู้ตอบแบบสอบถามจากแบบสำรวจในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยผู้ให้บริการระบบ Pay TV ในโซนยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จำนวน 6 ราย , ทวีปอเมริกาเหนือ จำนวน 5 ราย และอีก 3 ราย ในแต่ละภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และทะเลแคริบเบียนและลาตินอเมริกา
ประเด็นสำคัญ
- การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากความต้องการ (on-demand) จะมีบทบาทสำคัญอันดับต้นๆ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า: จากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนกว่า 82 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าผู้บริโภคมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าเทรนด์นี้จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอีก 3-5 ปี เพราะนี่เป็นผลมาจากการหยุดชะงักของรูปแบบธุรกิจโทรทัศน์และการกระจายเสียงแบบดั่งเดิม ที่ถูกแทนที่โดยผู้ให้บริการสื่อสารและแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต การเพิ่มขึ้นของเนื้อหาวิดีโอในรูแบบ video-on-demand รวมทั้งเทคโนโลยีการใช้งานอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจอภาพ (Multi-screen)
- รายได้เพิ่มขึ้นจากโฆษณา โดยคิดจากส่วนแบ่งรายได้ผู้ให้บริการด้านเนื้อหา และ การให้บริการแบบ pay-per-use สำหรับ non-subscribers: เนื่องจากค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกไม่เพียงพอที่สำหรับการพัฒนาเนื้อหาใหม่ ๆ ซึ่ง 65 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โฆษณาที่กำหนดเป้าหมายจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนช่องทางรายได้หลัก รวมทั้งมีรูปแบบการแลกเปลี่ยนรายได้กับผู้ให้บริการทางด้านเนื้อหา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสูงถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2561 ในขณะเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนกว่า 29 เปอร์เซ็นต์ ที่ให้บริการ pay-per-use สำหรับกลุ่ม non-subscribers คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นถึง 29 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2561 และการเติบโตจากปัจจัยอื่นๆถึง 29 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2562 สำหรับเทรนด์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบริการ pay-per-use มีความน่าดึงดูดใจจาก non-subscribers ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกลยุทธ์ทางการชำระเงินกับผู้ให้บริการระบบ Pay TV
- ความท้าทายในการปรับใช้และนำเสนอการบริการ: นอกเหนือจากต้นทุนในการผลิตเนื้อหา นับเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ การแข่งขันกับผู้ให้บริการวิดีโอรายอื่นๆอีก 59 เปอร์เซ็นต์ การทำงานร่วมกันของแพลตฟอร์มและการประยุกต์เข้ากับแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทายในการใช้งานที่สำคัญที่สุดถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกันพบว่ามี 70 เปอร์เซ็นต์ พูดถึงความพึงพอใจของลูกค้าและการมองหาลูกค้าใหม่ ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการให้บริการในรูปแบบ on-demand video
- ปัจจัยสำคัญในการเติบโตและรักษาฐานลูกค้า: 65 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของประสบการณ์การใช้งานและการพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ 47 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามชี้ว่าการรวมเนื้อจากผู้ให้บริการ OTT เข้ากับเนื้อหาผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และการโฆษณาเนื้อหาจากผู้ให้บริหาร OTT ที่หลากหลายสามารถดึงความสนใจและรักษาสมาชิกผู้ชมเอาไว้ได้
- ลำดับความสำคัญด้านการใช้จ่ายของผู้ให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า: การพัฒนาแอพพลิเคชั่นถือเป็นสิ่งสำคัญต่อประสบการณ์การใช้งาน พบว่า 56 เปอร์เซ็นต์ จะลำดับความสำคัญด้านการใช้จ่าย และ 42เปอร์เซ็นต์ มองว่า การพัฒนาแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ (OVP) มีความสำคัญเป็นอันดับรองลงมา
นายแดเนียล เพียลมัตเตอร์, หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของแอมดอกซ์ กล่าวว่า ในอนาคตการรับชมเนื้อหาทางโทรทัศน์จะไม่ได้ปรากฏเพียงบนหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้น เพราะผู้ใช้งานทั่วโลกจะเลือกรับเนื้อหาตามความต้องการ( on-demand content) บนอุปกรณ์ที่ตนเลือกและและต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้จะต้องรับรู้ถึงแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำเป็นต้องมีการลงทุนด้านโซลูชั่นที่จะเข้ามาช่วยมองหากลุ่มพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูงในการทำงาน