นักเรียนและครูอยากให้มุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงในห้องเรียน
ประเทศไทย — 19 ธันวาคม 2560: อะโดบีเผยผลการศึกษาที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองของนักเรียนรุ่น Gen Z และครูในประเทศไทย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และความพร้อมในการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวาง ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ขณะที่ลักษณะของงานเริ่มเปลี่ยนแปลงไป และบุคลากรมีลักษณะที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น นักเรียนรุ่น Gen Z ก็รู้สึกว่าตนเองไม่พร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่ต้องเผชิญกับ “โลกแห่งความเป็นจริง” ในปัจจุบัน และต้องการที่จะโฟกัสเรื่องความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงในห้องเรียน
ผลการศึกษาของอะโดบีที่มีชื่อว่า Gen Z ในห้องเรียน: การสร้างอนาคต (Gen Z in the Classroom: Creating the Future)1 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนรุ่น Gen Z จำนวน 250 คน อายุระหว่าง 11 ถึง 17 ปี และครู 100 คนในประเทศไทย พบว่านักเรียน 97 เปอร์เซ็นต์ และครู 99 เปอร์เซ็นต์มีความเห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของนักเรียน โดยนักเรียน 75 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า อาชีพการทำงานในอนาคตจะเกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ และครู 97 เปอร์เซ็นต์รู้สึกว่านักเรียนรุ่น Gen Z จะทำงานในอาชีพใหม่ๆ ที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ นักเรียนรุ่น Gen Z ยังระบุว่าพวกเขาชื่นชอบวิชาที่มุ่งเน้นคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี และวิชาเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และช่วยให้นักเรียนมีความพร้อมสำหรับอนาคต
นางเจนี่ ลิม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดสำหรับสื่อดิจิตอลของอะโดบี เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า “นักเรียนรุ่น Gen Z ในประเทศไทยเติบโตขึ้นมาในสังคมที่แวดล้อมไปด้วยเทคโนโลยีและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การเข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิตอลช่วยขยายโอกาสใหม่ๆ ให้แก่นักเรียนเหล่านี้ เพื่อสำรวจสิ่งที่เขาอยากรู้อยากเห็น รับแรงบันดาลใจจากคนอื่นๆ และแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ด้วยเหตุนี้ รูปแบบการใช้งานและการเรียนรู้ของนักเรียนรุ่น Gen Z ในปัจจุบันจึงแตกต่างอย่างมากคนรุ่นก่อนๆ และนักการศึกษาของไทยจึงจำเป็นที่จะต้องจัดหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เครื่องมือที่ทันสมัย และช่องทางการสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน และเสริมสร้างทักษะด้านการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรในอนาคต”
นักเรียนรุ่น Gen Z ในประเทศไทยมองว่าตนเองมีความคิดสร้างสรรค์ แตกต่างไม่ซ้ำแบบใคร และอยากรู้อยากเห็น รู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสที่รออยู่เบื้องหน้า แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับอาชีพการทำงานในอนาคต โดยเกือบหนึ่งในสามของนักเรียนรุ่น Gen Z ที่ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าตนเองขาดความพร้อมสำหรับอนาคต และกว่าครึ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้จากนอกห้องเรียนมีความสำคัญต่ออาชีพการทำงานในอนาคตมากกว่าสิ่งที่เรียนรู้ในห้องเรียน
แม้ว่านักเรียนรุ่น Gen Z ในไทยจะมองว่าตนเองมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ (สูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย-แปซิฟิกที่มีการสำรวจความคิดเห็น) แต่ก็คิดว่าโดยทั่วไปแล้ว ตนเองจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดโดยผ่านการสร้าง/ลงมือปฏิบัติ (72 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่ครูคิดว่าการให้นักเรียนได้ดูและเรียนรู้เป็นวิธีการสอนที่ดีที่สุด (77 เปอร์เซ็นต์) ทัศนะดังกล่าวสอดคล้องกับ 77 เปอร์เซ็นต์ของนักการศึกษาที่มองหาโอกาสสำหรับการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ และ 60 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องการผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับการเรียนการสอนในห้องเรียน
ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ในอดีต ระบบการศึกษาของไทยมุ่งเน้นที่ครูผู้สอนเป็นหลัก และแทบไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และความเป็นตัวของตัวเอง แต่ในปัจจุบัน รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อก้าวให้ทันกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางด้านบุคลากรในระดับโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สถานศึกษาต่างๆ รวมถึงคณาจารย์จะต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิตอล เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นให้นักเรียนมีความคิดริเริ่มเพิ่มมากขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต”
ข้อมูลสำคัญจากผลการสำรวจ Gen Z ในห้องเรียน: การสร้างอนาคต มีดังนี้:
สามารถดาวน์โหลดผลการศึกษา Gen Z ในห้องเรียน: การสร้างอนาคต ฉบับเต็มของอะโดบีได้ที่: