กลุ่มสิงเทล ผนึก เอไอเอส เปิดตัว “VIA” เครือข่ายบริการชำระเงินด้วยมือถือข้ามประเทศ รายแรก!!! ที่ให้ลูกค้าใช้จ่ายผ่านอี-วอลเลทของค่ายมือถือตัวเองได้ ระหว่างอยู่ต่างประเทศ

มือถือ แท็บเล็ต

  • สิงเทล จับมือ เอไอเอส ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไทย และธนาคารกสิกรไทย ผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งรายใหญ่ที่สุดของไทย เปิดตัวเครือข่ายชำระเงินผ่านมือถือข้ามประเทศ ในชื่อ VIA เริ่มต้น สิงคโปร์-ไทย ด้วย Singtel Dash และ Rabbit LINE Pay (ผ่านแอปฯ AIS GLOBAL Pay)
  • ลูกค้าชาวสิงคโปร์ที่ใช้กระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิกส์ Singtel Dash และลูกค้าชาวไทยที่ใช้ Rabbit LINE Pay (ผ่านแอปฯ AIS GLOBAL Pay) สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ที่มีสัญลักษณ์ VIA หรือ Thai QR Code ด้วยสกุลเงินของประเทศตัวเอง โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ช่วยให้ไม่ต้องกังวลกับอัตราแลกเปลี่ยน หรือถือเงินสดในระหว่างเดินทาง
  • ผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ ร่วมผลักดันแนวคิดสังคมไร้เงินสดแบบไร้พรมแดน เสริมความแข็งแกร่งให้กับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทย, 2 ตุลาคม 2561 กลุ่มสิงเทล เปิดตัว VIA บริการชำระเงินผ่านมือถือข้ามประเทศ ภายใต้การร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่ม เพื่อเชื่อมต่อบริการระหว่างกัน ด้วยการเริ่มต้นจับมือกับ เอไอเอส ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไทย และธนาคารกสิกรไทย ผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งรายใหญ่ที่สุดของไทย พร้อมให้บริการชำระเงิน ด้วยคิวอาร์โค้ดผ่านทางกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือ ทั้ง Singtel Dash และ Rabbit LINE Pay (ผ่านแอปฯ AIS GLOBAL Pay) ในร้านค้าของทั้งสองประเทศที่แสดงสัญลักษณ์ VIA รวมถึงร้านค้าในประเทศไทยที่มีสัญลักษณ์ Thai QR Code รวมจำนวนมากกว่า 1.6 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ

ในขั้นแรก พันธมิตรของ VIA ทั้งผู้ที่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมและธุรกิจอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม จะเชื่อมต่อกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน เพื่อสร้างเครือข่ายการชำระเงินให้ทั่วภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัยและสะดวกสบายในการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเดินทางในภูมิภาคเอเชีย โดยหลังจากนี้ จะมีการขยายไปยังพันธมิตรอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น Airtel ในอินเดีย, Globe ในฟิลิปปินส์, Telkomsel ในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม จะมีการคำนึงถึงกฎระเบียบของแต่ละประเทศ

นายอาเธอร์ แลง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสิงเทล อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า นี่คือวันที่มีความสำคัญมากสำหรับกลุ่มสิงเทล โดยความพยายามของพันธมิตร VIA ซึ่งมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงการชำระเงินที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ด้วยการนำเอากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบต่างๆ มาอยู่รวมกัน เพราะเมื่อเวลาที่ผู้คนเดินทางในภูมิภาคเอเชีย เราต้องการให้พวกเขาสามารถใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศของตนเองได้อย่างง่ายดายในต่างประเทศ โดย VIA จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการชำระเงินให้กับผู้บริโภคนับล้านคน โดยรวมถึงฐานผู้ใช้งานของเราทั้งหมดว่า 700 ล้านคน เรามองเห็นโอกาสอันสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพราะสิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันใหญ่ที่ช่วยให้ภูมิภาคอาเซียนเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และสานต่อวิสัยทัศน์ในการทำให้เกิดตลาดดิจิทัลที่ใช้งานร่วมกัน

ในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังตลาดของกลุ่มสิงเทลในภูมิภาคเอเชียกว่า 80 ล้านคน โดยในจำนวนนี้มากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปีที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในสิงคโปร์และไทย และตัวเลขนี้ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จุดเด่นของ VIA คือบริการที่โปร่งใส สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ ทั้งนี้ เอไอเอสและสิงเทล ต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อมาตรการด้านความปลอดภัย cyber security โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อชำระเงินด้วยสกุลเงินของประเทศตนเอง เมื่อมาท่องเที่ยวในสิงคโปร์และไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา บริการนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวลกับการพกพาเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทางการเงินข้ามประเทศอีกด้วย ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่สามารถรับบัตรเครดิต ก็จะสามารถขยายการรับชำระเงินจากนักท่องเที่ยวผ่านการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์นี้ได้อย่างสะดวกอีกด้วย ส่วนแอปพลิเคชันชำระเงินผ่านมือถือรายอื่นๆ สามารถเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับ VIA เพื่อที่จะได้เข้าถึงกลุ่มผู้ขายและฐานลูกค้าของกลุ่มสิงเทลทั่วทั้งภูมิภาค

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “สำหรับประเทศไทย ทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันแนวคิดสังคมไร้เงินสดให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เอไอเอสเองในฐานะผู้นำด้านเครือข่ายและบริการดิจิทัลของประเทศ เรามุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่จะออกมาตอบโจทย์เรื่อง Mobile Payment อย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ที่จะยกระดับสังคมไร้เงินสดของไทยไปอีกขั้น ภายใต้การผนึกกำลังกับกลุ่มสิงเทล และได้รับความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตรชั้นนำในประเทศไทย ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เพื่อร่วมมอบประสบการณ์ใหม่ในการชำระเงินดิจิทัลแบบไร้พรมแดน ให้กับลูกค้าและคนไทย ที่เดินทางไปสิงคโปร์ให้สามารถใช้จ่ายผ่านอี-วอลเลท กับร้านค้าที่ร่วมบริการ VIA ได้อย่างสะดวก ซึ่งล้วนเป็นสินค้าและบริการจากแบรนด์ที่คนไทยให้ความนิยม รวมกว่า 20,000 ร้านทั่วสิงคโปร์ ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าคนไทยที่ใช้ Rabbit LINE Pay สามารถดาวน์โหลดแอป AIS GLOBAL Pay เพื่อไปใช้งานที่ประเทศสิงคโปร์ได้เช่นกัน

ในขณะเดียวกัน เอไอเอสต้องขอขอบคุณบริษัทพันธมิตรและผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ในประเทศที่เล็งเห็นความสำคัญ และมาร่วมกันสร้างบริการนี้ให้เกิดขึ้นจริงด้วย นำโดย KBANK ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งชั้นนำของประเทศที่มี Thai QR Code มากที่สุดในไทย, Central ศูนย์การค้าชั้นนำ รวมทั้งร้านค้าแบรนด์ดัง อาทิ After You, นารายา ฯลฯ รวมถึงร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ตามแหล่งชุมชนต่างๆ และร้าน Street Food ที่รับชำระด้วย Thai QR Code มาเข้าร่วมโครงการ VIA ด้วยกัน รวมจำนวนมากกว่า 1.6 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ ก็พร้อมที่จะให้บริการกับชาวสิงคโปร์ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย อันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวยุคดิจิทัลให้กับประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล สานต่อไทยแลนด์ 4.0”

นายควน มูน ยูเอ็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าของสิงค์เทล กล่าวว่า เราภูมิใจมากที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกรายแรกๆ ของบริการ VIA และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำเอาบริการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศเข้ามาให้บริการกับลูกค้าของ Singtel Dash นี่คือความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการขยายการเข้าถึงและทำให้ทุกคนในสิงคโปร์สามารถเพลิดเพลินกับการชำระเงินในชีวิตประจำวันอย่างสะดวกและปลอดภัย และไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางไปที่ไหน เราจะสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับเหล่าพันธมิตรและพัฒนาแอปพลิเคชัน Dash ให้กลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่แพร่หลายและใช้กันในชีวิตประจำวันของลูกค้า

ชาวสิงคโปร์จ่ายด้วย Singtel Dash เมื่อมาเมืองไทย ส่วนชาวไทยจ่ายด้วย Rabbit LINE Pay ผ่าน แอปฯ AIS GLOBAL Pay เมื่อไปสิงคโปร์

ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 500,000 ราย Singtel Dash ถือเป็นบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ครบและจบในที่เดียว เพราะช่วยให้ลูกค้าสามารถแปลงค่าเงิน ซื้อของ และส่งเงินไปทั้งในและนอกประเทศ บริการนี้พร้อมให้ทุกคนสามารถใช้งานได้แล้วในสิงคโปร์ โดยสามารถใช้งานผ่านผู้ให้บริการโทรคมนาคม ธนาคาร หรือโทรศัพท์รุ่นใดก็ได้ ส่วนในไทย Singtel Dash สำหรับผู้บริโภค จะสามารถใช้งานกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ VIA และ Thai QR Code โดยสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด หรือจะให้ร้านค้าสแกนคิวอาร์โค้ดของลูกค้าผ่านแอปพลิเคชันก็ได้

โดยลูกค้าชาวสิงคโปร์ สามารถใช้งาน Singtel Dash เพื่อซื้ออาหาร-เครื่องดื่ม และช็อปสินค้าต่างๆ ได้ที่ร้านค้าในไทยกว่า 1.6 ล้านจุดทั่วประเทศ ตั้งแต่ศูนย์การค้าชั้นนำ, ร้านแบรนด์เนม, แหล่งช็อปปิ้งที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ, ร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ตามแหล่งชุมชนต่างๆ ตลอดจนร้าน Street Food ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ความอร่อยของไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

ส่วนประเทศไทยนั้น ลูกค้าที่ใช้แอปแชท LINE จำนวนกว่า 42 ล้านราย พร้อมที่จะใช้บริการ VIA ได้ โดยในจำนวนนี้ มีผู้ใช้ Rabbit LINE Pay จำนวนกว่า 5 ล้านราย ที่หลังจากมีการแสดงตัวตนผู้ใช้งานตามแนวทางปฏิบัติของภาครัฐแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแอปฯ AIS Global PAY เพื่อใช้บริการ VIA ได้ทันที เมื่อเดินทางไปที่ประเทศสิงคโปร์ โดยสามารถชำระค่าแท็กซี่ ซื้อสินค้าและบริการ หรือค่าอาหารในสิงคโปร์กว่า 20,000 จุดทั่วประเทศ โดยปัจจุบัน Rabbit LINE Pay ถือเป็นกระเป๋าเงินบนมือถือที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนทุกเพศทุกวัย เพราะถูกฝังอยู่ใน LINE แอปฯ แชทยอดนิยมอันดับหนึ่งของไทย

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวบริการระหว่างสิงคโปร์และไทยในครั้งนี้ Singtel Dash พร้อมมอบสิทธิพิเศษด้วยส่วนลด 10% สำหรับทุกการชำระเงินผ่านทาง Singtel Dash ในประเทศไทย และมอบอินเทอร์เน็ตโรมมิ่งจำนวน 1 GB มูลค่า 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ในไทยสำหรับลูกค้าของสิงเทลโดยเฉพาะ

ส่วนโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ AIS GLOBAL Pay เมื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่สิงคโปร์ โดยจ่ายด้วย Rabbit LINE Pay (ขั้นต่ำ 100 บาท) จะได้รับเงินคืนทันทีจำนวน 100 บาท ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2561 โดยลูกค้าของ Rabbit LINE Pay จะได้รับสิทธิ์ 1 คน/ 1 สิทธิ์ตลอดโครงการ

  • ผู้โพสต์ :
    admin
  • อัพเดทเมื่อ :
    2 ต.ค. 2018 15:55:05

ลงข่าวประชาสัมพันธ์ ฟรี คลิกที่นี่

 

X

เว็บไซต์เรามีการใช้คุกกี้ คลิกเพื่อดู นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา