นับเป็นเวทีใหญ่เวทีแรกของการประกวดสาวประเภทสองแห่งปี 2562 กับเวที “มิสทรานส์ไทยแลนด์ 2019” (MISS TRANS THAILAND 2019) ที่เฟ้นหา 5 สาวงามพร้อมใช้เป็นตัวแทนไปประกวดใน 5 เวทีใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งได้มีการคัดเลือกในรอบแรกผ่านไปแล้ว โดยมีผู้สนใจจากทั่วประเทศมาร่วมคัดเลือกเป็นจำนวนมาก และจะมีรอบชิงชนะเลิศ ในวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานโรงเเรมเซ็นทารา วอเตอร์เกท พาวิลเลียน กรุงเทพฯ
สำหรับ 3 ดาวเด่นผู้เข้าประกวดที่คาดว่าจะคว้ามงกุฎ จาก 5 มงกุฎ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเวที “มิสทรานส์ไทยแลนด์ 2019” และเรื่องสาวประเภทสองของเมืองไทย
อาร์ม-ตรีทิพย์นิภา ทิพย์ปภาดา นักแสดงโชว์ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 6 กล่าวว่า ตนเองเป็นคนการประกวดไม่ต่างจากความใฝ่ฝันของสาวประเภทสองคนอื่น ๆ ในการประกวดแต่ละครั้งทำให้เราได้มีโอกาสเพิ่มมูลค่าให้กับชีวิต เต็มเติมประสบการณ์ให้เราแกร่งขึ้น สำหรับการประกวดในครั้งนี้อาร์มมั่นใจว่า สิ่งที่ได้สั่งสมมาจากเวทีการประกวดที่ผ่านมาจะเป็นภูมิคุ้มกันให้อาร์มได้เดินไปสู่จุดหมายคือได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเวทีการประกวดแห่งนี้
“อาร์มคิดว่า ทุกคนมีโอกาสที่จะสวยอย่างใจฝันเหมือนกันหมด เพราะศัลยกรรมความงามช่วยคุณได้ แต่สิ่งที่จะทำให้แตกต่างและคุณต้องช่วยเหลือตัวเองนั่นคือ ขบวนการหรือแนวคิดที่สะท้อนออกมาอย่างสร้างสรรค์และให้เป็นที่ยอมรับในคนหมู่มาก แล้วอาร์มเชื่อว่าสาวประเภทสองทุกคนมีทั้งเสน่ห์และความสวยและพลังแห่งความคิดบวก ขอให้ทุกคนแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ ให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับโดยเฉพาะบนเวทีการประกวดมิสทรานส์ไทยแลนด์ 2019 อาร์มขอเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าประกวดทุกคน รวมทั้งผู้จัดงานทุกท่าน"
เกรซ-เมธาวรินทร์ ธนาดุลกุลนันท์ นักธุรกิจด้านความงาม ผู้เข้าประกวดหมายเลข 38 กล่าวว่า ที่ตัดสินใจเข้าประกวดเพราะคอนเซ็ปต์เวทีที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมี 5 ตำแหน่งที่เท่าเทียมกันหมด พร้อมเป็นตัวแทนไปประกวดต่างประเทศ สาวประเภทสองเมืองไทยในยุคปัจจุบันมีศักยภาพอยู่ในระดับแถวหน้า และเป็นที่กล่าวขานกันทั่วโลกถึงด้านความสวยและความสามารถ อย่างในยุคไทยแลนด์ 4.0 ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้สาวประเภทสองได้แสดงกึ๋นกันมากขึ้น หลายคนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยผ่านการเป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
“สโลแกนของเวทีนี้คือ..สวยใจบุญ...ซึ่งจะว่าไปแล้วสวยใจบุญในที่นี้เกรซมองว่า คงไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่า ต้องเป็นเวทีการประกวด แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เข้าประกวดหรือคนเราทุกคนก็สามารถสวยและใจบุญได้ ด้วยการเลือกที่จะ คิดดี ทำดี พูดดี ซึ่งจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและสังคมเกิดความสงบสุขได้”
มิน-กมลลักษณ์ กุลฐิติธนารัตน์ นักธุรกิจและผู้เข้าประกวด หมายเลข 14 กล่าวว่า ที่ตัดสินใจประกวดเวทีนี้คือ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสทางด้านอายุผู้เข้าประกวดได้มากถึง 32 ปี เพราะบางคนในช่วงอายุที่สามารถประกวดได้ยังไม่พร้อม ครั้นเมื่อพร้อมอายุก็เกินไปแล้ว แต่เวทีนี้ให้โอกาส ต้องยอมรับว่า แนวความคิดของสาวประเภทสองเมืองไทยในยุคนี้ก้าวไกลเรียกว่าสู่สากล เป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วไป โดยไม่ต้องร้องขอสิทธิเลย เป็นผู้ขับเคลื่อนชีวิตในเชิงรุกไปหาโอกาส โดยไม่คิดที่จะรอรับโอกาส
“อยากให้สาวประเภทสองรักและสามัคคีกัน ไม่แบ่งกลุ่มชิงดีชิงเด่นกัน รวมตัวทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์อย่างเช่น เวทีประกวดมิสทรานส์ไทยแลนด์ 2019 การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยเฉพาะในรูปแบบจิตอาสาหรือจิตสาธารณะ อยากให้เวทีมิสทรานส์ไทยแลนด์เป็นศูนย์กลางของสาวประเภทสองได้เข้ามาหาประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน แล้วนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ช่วยกันเป็นแนวร่วมในสร้างสรรค์สังคมและประเทศชาติมีความสงบสุขมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศต่อไป”
ทางด้าน คุณเฟม-อดีราห์ จันทพาน ผู้ถือลิขสิทธิ์และผู้อำนวยการกองประกวด มิสทรานส์ไทยแลนด์ 2019 เผยว่า แรงบันดาลใจในการริเริ่มและก่อตั้งเวที มิสทรานส์ไทยแลนด์ 2019 มาจากการที่ตนเองเคยเดินสายการประกวดมานับร้อยเวที จากนั้นได้มาเป็นพรีเซนเตอร์และฝ่ายประสานงานให้กับคลินิกและโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามกว่า 10 แห่ง ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ คือ แนะนำให้สาวประเภทสองมาทำศัลยกรรมความงามต่าง ๆ โดยตนเองได้แนะนำมาแล้วถึงวันนี้ก็กว่า 1 หมื่นคน ทำให้เราได้สัมผัสจิตวิญญาณของสาวประเภทสาวแบบลึกซึ้งว่าต้องการอะไร หนึ่งในนั้นคือ ชอบประกวดความงาม
“เมื่อทุกอย่างลงตัว เราจะนำประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดมาตกผลึก จึงทำให้เกิดเวทีมิสทรานส์ไทยแลนด์ ขึ้นมา ภายใต้สโลแกน..สวยใจบุญ...โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ การส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพพร้อมการยอมรับต่อสาธารณชนของสาวประเภทสองที่พึงควรมี การแสดงศักยภาพของสาวประเภทสองอย่างสร้างสรรค์และเอื้อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในสังคม รวมถึงผู้ที่ได้รับตำแหน่งทุกคนจะต้องเป็นภาพลักษณ์และแบบอย่างที่ดีทั้งในกลุ่มสาวประเภทสองและผู้คนในสังคม พร้อมใช้งานร่วมงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม เช่น งานจิตอาสา งานบุญงานกุศล เป็นต้นรวมถึงการตัดสินที่โปร่งใสตรวจสอบได้ มีการนำคะแนนจากรอบต่าง ๆ มารวมกันด้วย เพื่อเป็นให้โอกาสแก่ผู้เข้าประกวดทุกคน”
ส่วน เพลินพิศ คิดถึงคุณ คณะกรรมการจัดงานและพิธีกรชื่อดัง กล่าวเสริมว่า รูปแบบการจัดประกวดจะมีความแปลกและแตกต่างจากเวทีอื่น ๆ คือ มี 5 ตำแหน่งศักดิ์ศรีเท่ากันหมด ประกอบด้วย มิสทรานส์ยูนิเวิร์สไทยแลนด์,มิสทรานส์เวิลด์ไทยแลนด์,มิสทรานส์อินเตอร์เนชั่นแนลไทยแลนด์,มิสทรานส์อินเตอร์คอนติเนนตัลไทยแลนด์ และมิสทรานส์ทัวริซึ่มไทยแลนด์ ได้การสนับสนุนมงกุฎทั้ง 5 ตำแหน่งจาก ก็อตไดมอนด์ แล้วทั้ง 5 คนจะเป็นตัวแทนสาวประเภทสองของไทยเดินทางไปประกวดเวทีต่าง ๆ ในต่างประเทศ คือ มิสทรานส์ยูนิเวิร์ส,มิสทรานส์เวิลด์,มิสทรานส์อินเตอร์เนชั่นแนล,มิสทรานส์อินเตอร์คอนติเนนตัล และ มิสทรานส์ทัวริซึ่ม
“สาวประเภทสองในยุคนี้มีความแตกต่างจากยุคก่อน ๆ มาก โดยเฉพาะโอกาสด้านความสวยงาม เพราะเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศัลยกรรมความงามที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งโพล์ไฟล์ดีเห็จากโซเชี่ยลมิเดีย อย่างเช่น การศึกษามีถึงระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ประกอบอาชีพที่น่าสนใจ เช่น หมอ วิศวกร นางแบบ นักแสดง รวมถึงนักการเมือง เห็นได้จากการลงสมัคร ส.ส. กันหลายคน เชื่อว่าเวทีนี้จะมีส่วนช่วยยกระดับสาวประเภทสองไทยให้มีคุณภาพและคุณค่ามากยิ่งขึ้น”