กว่า 10 ปี ที่เธอสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชีวิตในฐานะสื่อมวลชนสายพิธีกรรายการทีวี ทั้งทางช่อง ทรูวิชั่นทรูโฟว์ยูอมรินทร์ทีวี ท๊อปไลน์ทีวีนิตยสาร Playboy Thailand ทำให้วันนี้เธอได้รับโอกาสใหม่ในบทบาทและหน้าที่สำคัญ “แม่พิมพ์ของชาติ” อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศสาขาวิชาการตลาดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมินอกจากนี้ เธอยังได้รับเชิญไปบรรยาย ด้านภาพลักษณ์ การพัฒนาบุคลิกภาพ กับหน่วยงานราชการและเอกชน ต่างๆ มากมาย
“ท๊อฟฟี่-นิชนันท์ คงศรี”คือสาวประเภทสองรุ่นใหม่ไฟแรงที่เราเกริ่นมาข้างต้น โดยเธอเล่าว่า ค้นพบตัวเองเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว จากการถูกเชิญไปบรรยายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และค้นพบว่า เธอมีความสุขกับการได้พูดอะไรที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์แก่สังคมมากกว่าการเมาธ์ข่าวดาราในวงการบันเทิงไปวันๆ ถึงแม้ รายได้จะต่างกันมากก็ตามหลังจากนั้นเธอจึงมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาตามความฝันของเธอ ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นอกจากนี้เธอยังจบด้านการบริหารภาพลักษณ์จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับสถาบัน IMAGE MATERS ASIA
เธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำถามที่ว่า “อะไรที่เป็นเรืองยากในการเป็นสาวประเภทสองกับคำว่าอาจารย์” ว่า คงจะได้เห็นประเด็นที่ร้อนแรง หรือมีการถกเถียงกันในเรื่องของเพศที่สามกับ การเป็นครูบาอาจารย์ ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่สำหรับมุมมองของตนเองแล้ว มองข้ามเรื่องนี้ไปโดยสิ้น เชิง ถึงแม้จะทราบว่า มีคนคัดค้านและไม่ต้อนรับก็ตามซึ่ง มีผู้ใหญ่หลายท่านที่มองว่าไม่เหมาะสม ไม่เห็นด้วย ถึงแม้จะไม่พูดต่อหน้าแต่ลับหลัง เรา รับรู้ได้เราไม่สามารถบังคับทัศนคติคนเหล่านั้นได้เลยแต่ความสามารถเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบในข้อสงสัยของหลาย ๆ คน ได้ดีที่สุด
“ถ้าหากถามว่า ทำไม มหาวิทยาลัยถึงรับเราเป็นอาจารย์ คิดว่าเป็นการวางแผนตนเองได้ดีเรารู้ว่าเราถนัดด้านไหนมีจุดเด่นด้านไหน และที่ไหน ที่เขาขาด เราเลือกที่จะไปที่นั่นอาจจะโชคดีที่ทำงานในวงการสื่อมา 10 กว่าปี ดังนั้นประสบการณ์ที่เรามีจึงแข็งแกร่งบวกกับการเป็นวิทยากรบรรยาย ตามมหาวิทยาลัยมาก่อน หน้านี้แล้ว จึงน่าจะทำให้เราได้รับโอกาสที่มี โดยเฉพัในการนำเสนอตนเองและการสื่อสารที่ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำมากกว่านั้นคงเป็นความโชคดีของเราที่ผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยเห็นในความสามารถที่แท้จริงของเรา”
นอกจากเธอยังได้พูดถึงอาชีพของบุคคลเพศที่สามว่า ความจริงเพศที่สาม เราสามารถจะเป็นอะไรก็ได้ ในสิ่งที่เราอยากจะเป็นหรืออยากจะทำ แต่มันต้องยากกว่าเพศชายและเพศหญิง เราตัองขยัน เราต้องฝ่าฝันมากกว่า เท่านั้น เอง เพราะเอาเข้าจริงยังไม่มีใครเปิดรับเพศที่สาม ได้หมดทุกองค์กรแต่คิดว่า ท้ายที่สุดหากเราวางตัวได้เหมาะสมวางภาพลักษณ์ของตนเองได้ดีตรงนี้ต่างหากที่จะเปิดโอกาส ๆ ให้กับตัวเราเอง เพื่อเดินไปสร้างความฝันที่งดงามให้เป็นจริงขึ้นมาด้วยหนึ่งสมองและสองมือของเรา
“มีหลายคนที่เข้ามาชื่นชมและติดตามงานทั้งในโซเชี่ยลมิเดียและได้พบเจอกันขอขอบคุณจากใจจริง ๆ เลยเราไม่ใช่คนเก่งอะไร แต่สิ่งที่คิดว่ามีในตนเองคือ ความขยัน และความกตัญญูกตเวที ไม่ลืมพระคุณของคนที่เข้าเติมเต็มให้กับชีวิตเรา ทั้งต้นน้ำ กลางปลาย และปลายน้ำคนเราเมื่อขยัน เราจะรู้ว่าเรากำลังทำอะไร และต้องการไปให้ถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ดังนั้นเพศอย่างเราต้องขยันมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ขยันที่จะสร้างและทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นและวันนั้นทุกคนจะเชื่อในตัวเราเองและสุดท้ายความกตัญญูกตเวทีดังที่กล่าวมาจะหนุนนำให้เราเจริญ ขอย้ำว่า ความกตัญญูกตเวที ไม่เคยทำให้ชีวิตใครล่มจมแม้แต่คนเดียวค่ะ”