เมื่อเอ่ยถึงชื่อ“ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”แล้วผู้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองย่อมต้องรู้จักเป็นอย่างดีหรือแม้จะไม่ใช่ขาประจำก็อาจจะผ่านหูผ่านตามาบ้างเพราะบุคคลนี้มีบทบาทในแวดวงวิชาการ ธุรกิจและการเมืองไทยมาไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ
บทบาทของดร.สมคิด ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร สมัยพรรคไทยรักไทย โดยดูแลด้านเศรษฐกิจเป็นหลักนั้น ได้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน เช่น การสร้างโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป (OTOP)โครงการกองทุนหมู่บ้าน และโครงการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เรียกกันติดปากว่า SMEs
โครงการทางเศรษฐกิจในยุคพรรคไทยรักไทยเคยถูกโจมตีว่าเป็น “ประชานิยม” ใช้เงินงบประมาณที่สร้างภาระต่อประเทศในอนาคตแต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่จดจำและดำเนินการต่อเนื่องหลังการรัฐประหารปี 2549 มีความพยายามจะลบล้างชื่อบางโครงการ เช่นจะเปลี่ยนจาก “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” เป็น “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น” แต่เมื่อชาวบ้านเรียกติดปากไปแล้วว่า โอท็อป แม้จะเป็นคณะรัฐประหารก็ต้องยอมใช้กันต่อไป
ความสำเร็จของประชานิยมในสมัยพรรคเพื่อไทย มีการศึกษาวิเคราะห์เชิงวิชาการว่าเพราะเป็นประชานิยมแบบสงเคราะห์ อุดหนุน ช่วยเหลือเกษตรกร คนจน คนระดับรากหญ้าส่วนใหญ่อยู่ในชนบทที่ขาดโอกาสและช่องทางในการสร้างรายได้หรือปรับปรุงคุณภาพชีวิตเพราะเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน หรือเทคโนโลยีเมื่อมีนโยบายที่หยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้จึงเป็นที่พอใจและจดจำ
ดร.สมคิดถอยจากการเมืองระยะหนึ่งหลังการรัฐประหารในปี 2549แต่ได้กลับมาใหม่อีกครั้งในยุคคสช. เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคสช. ได้ยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธให้ช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจากนั้นในปี 2558 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
เป็นจังหวะให้ดร.สมคิด ดึง “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” เข้ามาร่วมงาน ประกอบด้วย ดร.อุตตม สาวนายนสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์สุวิทย์ เมษินทรีย์ และกอบศักดิ์ ภูตระกูลซึ่งทั้ง 4 คนนี้ที่ถูกตั้งฉายาว่า “ 4 กุมาร” ได้มีบทบาทในการก่อตั้ง “พรรคพลังประชารัฐ” นำนักการเมืองที่ไหลมาเข้าพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2562 ที่แม้ผลการเลือกตั้งจะได้คะแนนน้อยกว่าพรรคอันดับ 1แต่ในที่สุดก็ได้จัดตั้งรัฐบาลโดยส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
นโยบายและผลงานด้านเศรษฐกิจในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากทีมดร.สมคิด ที่เห็นชัดคือ Thailand 4.0ที่เกิดขึ้นช่วงท้ายรัฐบาล คสช.และถูกใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิของประเทศสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา
Thailand 4.0 ได้เชื่อมโยงมายัง โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ต่อยอดมาจากโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ อีสเทิร์นซีบอร์ดเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการลิตและบริการบนฐานเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เน้น 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
อีกเรื่องที่ ดร.สมคิดทำไว้คือ “โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน” หรือ SEZ 10 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งน่าเสียดายว่าปลุกปั้นกันอยู่ระยะหนึ่งแล้วถูกปล่อยทิ้งไปเลยเมื่อ ดร.สมคิดและ 4 กุมารถูกขับออกจากรัฐบาล
ทีมเศรษฐกิจของ ดร.สมคิดได้ริเริ่มและขับเคลื่อนโครงการ ระบบสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรประชารัฐ) ระบบพร้อมเพย์แอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ ซึ่งเป็นโฉมหน้าใหม่ของระบบการเงินทันสมัยที่คนไทยเริ่มคุ้นเคยและรับเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งขชองชีวิตประจำวันไปแล้ว
ตัวอย่างของนโยบายและผลงานต่างๆดังกล่าวสะท้อนกลับไปยังจุดเด่นของ ดร.สมคิด ที่ทุกคนเห็นตรงกันคือเป็นผู้มากคอนเนคชั่นทั้งพวกพ้อง มิตรสหาย และลูกศิษย์ ในหลากหลายวงการทั้งแวดวงวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศนักธุรกิจ นักพัฒนาสังคมรวมถึงนายทหารระดับใหญ่
เป็นคนที่อยู่ได้ทุกยุคสมัย ไม่เป็นศัตรูกับใคร ไม่เคยวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่มีพฤติกรรมโกงกินหรือประวัติเสื่อมเสียประกอบกับบุคลิกที่สุภาพ มีกึ๋น เข้าได้กับทุกกลุ่มสามารถเชื่อมโยงภาคธุรกิจกับภาคการเมืองมาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงมักถูกเรียกใช้ทั้งจากภาคธุรกิจและการเมืองทั้งในยามปกติและยามบ้านเมืองวิกฤติ
กว่า 3 ทศวรรษที่ ดร.สมคิด ทำหน้าที่ “ลมใต้ปีก” พยุงนักการเมืองและนักการทหารให้ได้นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงและอำนาจมาหลายรัฐบาลเคยเป็นแต่ “ท่านรอง” ที่รับมอบหมายบทบาทและภารกิจกอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
วันนี้ในจังหวะที่การเมืองกำลังจะผันเปลี่ยนดร.สมคิดได้รับการชงชื่อจาก “พรรคสร้างอนาคตไทย” ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
หลังการเลือกตั้งปี 2562 ดร.อุตตม สาวนายน ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยเตรียมจะใส่ชื่อ ดร.สมคิด ไปประกบชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแต่ดร.สมคิดเองขอให้พรรคเสนอพล.อ.ประยุทธ์เพียงชื่อเดียวเพื่อแสดงจุดยืน
ปี2565 หลังจาก ดร.อุตตม สาวนายน พร้อมแก๊ง 4 กุมารถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้วออกไปตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยดร.อุตตมขึ้นนั่งเป็นหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยอย่างเต็มตัวและมีการเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการแล้วได้มีการเปิดชื่อ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ว่าเป็นบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ดร.สมคิดจะมีโอกาสขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตจะนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่สุดที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่เมื่อถึงวันเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปประชาชนจะเป็นผู้กำหนด