คุณอาจมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่กำลังอยู่ในภาวะเครียด หรือบางทีอาจเป็นคุณเองที่เผชิญปัญหาเครียดๆ อยู่ตอนนี้และกำลังมองหาวิธีรับมือและจัดการกับความเครียดอยู่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเครียดส่งผลกระทบได้กับทุกคน เพราะแท้จริงแล้วความเครียดเป็นกระบวนการตอบสนองโดยธรรมชาติของสมองและร่างกายเราต่อความต้องการต่างๆ หรือปัจจัยกระตุ้นความเครียดอื่นๆ ในชีวิต อย่างไรก็ดี การเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเครียดถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเราจะได้มีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
ผลสำรวจวิจัยโดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ในปี 2561 ปัจจัยที่ส่งผลให้คนไทยเกิดความเครียดมากที่สุด ได้แก่ ปัญหารายได้และความวิตกกังวล[1]
อันที่จริงแล้วความเครียดไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป เพราะความจริงแล้วความเครียดเป็นหนึ่งในวิวัฒนาการของกลไกการตอบสนองแบบ “จะสู้หรือหนี” ที่ให้เรารู้จักหาทางป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายหรือการถูกคุกคามที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน การตอบสนองของร่างกายต่อความเครียดช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว จดจ่อ และกระตือรือร้นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
กุญแจสำคัญก็คือ เราต้องจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ภาวะความเครียดเรื้อรังสะสมจะส่งผลกระทบต่อทั้งจิตใจและร่างกายของเราได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
กำราบความเครียดด้วยโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ
ระบบภูมิคุ้มกันของเราต้องการการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายที่เหมาะสม และโภชนาการที่ดี เพราะการอยู่ในภาวะเครียดนานๆ อาจทำให้ร่างกายเกิดความอิดโรยอ่อนล้าและส่งผลกระทบด้านลบต่ออารมณ์ของเราได้ อีกทั้งทำให้ยากต่อการเลือกสรรอาหารการกินและการมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารมากกว่าปกติเวลาเครียด และหันไปหาอาหารจานด่วนที่ปรุงสุกรวดเร็วและหาซื้อง่าย ทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยไขมัน เกลือ และน้ำตาลเกินพอดี และยิ่งหากคุณบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในตอนค่ำเพื่อกระตุ้นอารมณ์และพลังงานให้กับตัวเอง ก็อาจรบกวนการนอนหลับของคุณได้อีกด้วย
ดังนั้น เราควรใส่ใจดูแลอาหารการกินของเราให้ดี โดยเฉพาะเวลาเครียดๆ เพราะจะช่วยให้เรารับมือจัดการกับความเครียดระดับต่างๆ ได้มากขึ้น อีกทั้งสามารถเปลี่ยนวิธีการตอบสนองต่อความเครียดเหล่านั้นได้ดีขึ้นด้วย
วันนี้เราอยากแบ่งปันคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ดังต่อไปนี้
หลีกเลี่ยงกินขนมจุบจิบเรื่อยเปื่อย
คอมฟอร์ทฟู้ด (Comfort Food) คืออาหารที่กินง่ายๆ แคลอรี่สูง ที่ดูจะเชิญชวนให้เราอิ่มกายอิ่มใจ เพราะจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเคมีบางอย่างในสมองที่ทำให้เรารู้สึกดี แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ และทำให้เรารู้สึกอยากกินตลอดเวลา ซึ่งการรับประทานมากเกินไปจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้และยังส่งผลให้เรารู้สึกจิตตกและเครียดอีกในภายหลัง กลายเป็นวงจรทำร้ายสุขภาพวนเวียนอยู่เช่นนี้ อย่างเมนูหวานๆ น้ำตาลสูงแบบไอศกรีมก็อาจทำให้เรารู้สึกฟินแค่ชั่วคราวแต่เชื่อเถอะว่ามันจะตามมาด้วยความพังเสมอ
ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าต้องกิน ให้มองหาอาหารที่มีความแข็งกรุบกรอบแต่เปี่ยมด้วยโภชนาการ เพราะการขยับกล้ามเนื้อขากรรไกรเพื่อเคี้ยวอาหารให้บดแน่นละเอียดจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ อาหารขบเคี้ยวที่ดีต่อร่างกาย ได้แก่ อัลมอนด์ วอลนัท หรือเบบี้แครอท
กินให้สม่ำเสมอและอย่าอดอาหาร
เวลาที่เราเครียด เราจะกินไม่ตรงเวลาหรือบางทีก็อดอาหารบางมื้อไปเลยด้วยซ้ำ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คืออารมณ์ไม่ดีและพลังงานในร่างกายลดลง มิหนำซ้ำระดับน้ำตาลในเลือดก็ตกซึ่งยิ่งทำให้เราเครียดหนักกว่าเดิม หากความเครียดเป็นตัวการทำลายความอยากอาหาร ให้ลองกินอาหารในปริมาณที่น้อยลงแต่กินให้บ่อยขึ้นในระหว่างวันแทน
นอกจากนี้ ให้จำไว้ว่าต้องแบ่งช่วงเวลามื้ออาหารให้รับประทานได้อย่างมีความสุข แยกออกจากเวลาทำงานหรือสิ่งอื่นที่ทำให้เกิดความเครียด ถ้าคุณรับประทานอาหารไปด้วยทำงานไปด้วย หรือจ่ายบิลทางมือถือระหว่างกินข้าวเย็น คุณควรต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วล่ะ เวลารับประทานอาหารเราควรจะต้องใช้เวลาให้ช้าลงและผ่อนคลายมากขึ้น แล้วคุณจะกินน้อยลงและอิ่มเอมกับอาหารมากขึ้น
จัดการความเครียดด้วยการออกกำลังกาย
ไม่ว่าคุณจะชอบออกกำลังกายหรือเปล่า แต่การออกกำลังกายถือเป็นตัวช่วยคลายเครียดชั้นยอด เพราะเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ทำให้คุณรู้สึกดี สำหรับบางคน การออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่างโยคะ พีลาทิส หรือการเดินเล่นในสวนสาธารณะก็เป็นวิธีคลายเครียดที่ยอดเยี่ยม แต่บางคนก็ชอบออกกำลังกายแบบหนักๆ อย่างเช่นวิ่งระยะสั้น หรือวิ่งธรรมดา
เลือกสไตล์การออกกำลังกายที่ทำให้คุณรู้สึกดีและสามารถทำได้จริง และอย่าคิดว่าการออกกำลังกายกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวจะเป็นเรื่องแย่ เพราะการมีเพื่อนไปออกกำลังกายด้วยกันจะช่วยให้คุณได้รับแรงกระตุ้นและมีโอกาสจะทำได้สำเร็จ การได้มีเพื่อนและมีสังคมจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจากปัญหาความเครียดในจิตใจ
นอกจากการออกกำลังกายแล้ว คุณยังสามารถทำกิจกรรมสนุกๆ ได้ด้วย ลองหากิจกรรมที่ทำให้คุณอารมณ์แจ่มใสขึ้น อย่างหาเวลาไปปีนเขาในเขตอุทยานหรืออะไรง่ายๆ อย่างชวนเพื่อนหรือครอบครัวไปโยนโบว์ลิ่งตอนค่ำ ขอแค่เป็นกิจกรรมที่คุณได้ออกจากบ้านไปใช้เวลาข้างนอกสักพัก มันอาจทำให้คุณรู้สึกแตกต่างจากเดิมได้
อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ
เวลาที่เรานอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากกว่าปกติ คอร์ติซอลคือฮอร์โมนความเครียดซึ่งหากเรามีมากเกินไปจะทำให้เราดูเหนื่อยและเครียดได้ การนอนหลับช่วยให้ร่างกายเข้าสู่โหมดฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ เป็นกระบวนการที่สำคัญมากต่อร่างกายโดยรวม และการนอนหลับสนิทในตอนกลางคืนจะช่วยลดความเครียดได้ดี
กล่าวโดยสรุปแล้ว โภชนาการ การออกกำลังกาย และการนอนหลับให้เพียงพอช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นได้ และแม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะไม่สามารถกำจัดความเครียดให้หมดไป แต่มันก็ช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดต่างๆ ได้ดีขึ้นและมีสุขภาพที่ดีขึ้นแบบองค์รวม
กดไลค์เราที่เฟซบุ๊ค พร้อมอีกหลากหลายเคล็ดลับดี ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีและไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง ได้ที่
www.facebook.com/HerbalifeThailandOfficial
และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ได้ที่ www.instagram.com/HerbalifeThailandOfficial
[1] https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=28253