กรุงเทพฯ ประเทศไทย/18 กรกฎาคม 2562 - มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหัวเว่ย เผย Hongmeng (หงเหมิง) ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของบริษัท เหมาะสำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT เพราะมีความหน่วงเวลา (Latency) ต่ำ
“เป้าหมายของ OS นี้คือ สร้างโลกที่ทุกสิ่งอย่างมีความอัจฉริยะและเชื่อมต่อกันได้ให้เป็นจริง”
มร. เหรินกล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Le Point ของฝรั่งเศส และเสริมด้วยว่า “ระบบปฏิบัติการหงเหมิงมีความล่าช้าต่ำในระดับคงที่ โดยในแต่ละจุดจะมีความหน่วงไม่เกิน 5 มิลลิวินาทีหรือต่ำกว่านั้น และอาจต่ำกว่า 1 มิลลิวินาทีด้วย”
มร. เหริน กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การเปลี่ยนเกียร์ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 มิลลิวินาที ถ้าความหน่วงเวลาไม่คงที่ การเข้าเกียร์อาจผิดพลาดและอาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานร่วมกันได้”
ในวันที่ 7 สิงหาคม หัวเว่ย ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสมาร์ทดีไวซ์ จะจัดงาน IoT Industry Summit ขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดแสดงและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT และแอปพลิเคชันการใช้งานอันล้ำสมัย
ประเทศไทยได้นำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ในฐานะตัวขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่สำคัญ เทคโนโลยี IoT มีศักยภาพในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลเพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ และการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด
“เราต้องการสร้างความพึงพอใจให้ผู้คนในสังคม เป้าหมายสูงสุดของเราคือการให้บริการผู้บริโภค ซึ่งก็คือ คนกว่า 6,500 ล้านคน และอาจจะมากกว่านั้นในอนาคตเมื่อ IoT เชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งได้มากขึ้น ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการของทุกผู้คน” มร. เหริน เจิ้งเฟย กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์
IoT เป็นรากฐานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า และเป็นส่วนสำคัญของ 5G หัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำด้าน 5G ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชัน 5G เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรที่ตรงตามมาตรฐานของ 3GPP อีกทั้งยังได้ก่อตั้งศูนย์โอเพ่น แล็บ (Open Lab) ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันของนักพัฒนาแอพในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ยได้ยืนยันว่าแม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งอุปกรณ์ 5G
“จะไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งอุปกรณ์อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว อุปกรณ์ 5G ของเราถือว่าดีที่สุดในโลกและจะยังไม่มีบริษัทไหนตามเราทันได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จึงไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งแน่นอน ฝ่ายผลิตของเรายังทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่”
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความท้าทายล่าสุดที่หัวเว่ยกำลังเผชิญจากสหรัฐอเมริกา มร. เหริน ตอบว่า “กงล้อแห่งกาลเวลาย่อมเดินไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีใครหยุดมันได้หรอก”
“เราแค่ขายอุปกรณ์เปล่าๆ อย่างท่อน้ำหรือก๊อกน้ำ ผลิตภัณฑ์ดีไวซ์ก็เหมือนกับก๊อก ส่วนอุปกรณ์เชื่อมต่อก็เปรียบเหมือนกับท่อน้ำ สิ่งที่ไหลผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือน้ำมัน ย่อมมีระบบข้อมูลเป็นตัวกำหนด และระบบเหล่านี้ก็ควบคุมโดยผู้ให้บริการระบบโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่เรา เราเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลและขอยืนยันด้วยว่าเราไม่เคยติดตั้งประตูหลังเพื่อสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้” มร. เหริน เจิ้งเฟยกล่าว
“กุญแจสู่ความสำเร็จของหัวเว่ยคือ ความทุ่มเทในการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ลูกค้า ถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีหัวเว่ยอย่างหนัก แต่ผู้บริโภคก็ยังคงซื้อสินค้าจากเรา เพราะความไว้วางใจที่เกิดจากการทุ่มเททำงานเพื่อลูกค้าและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ในฐานะผู้นำตลาดในจีนและอีกหลายประเทศทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ปัจจุบันผลิตภัณฑ์และโซลูชันของหัวเว่ยให้บริการแก่ผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก
“ทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จร่วมกัน” มร. เหริน เจิ้งเฟย กล่าวเมื่อ Le Point ถามถึงคติประจำตัวของเขา