ตลาดสกุลเงินคริปโตมีมูลค่าทะลุ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะถูกกีดกันจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญ แต่มูลค่าของตลาดก็สูงมากเกินกว่าที่จะเพิกเฉย และสกุลเงินคริปโตอาจกลายเป็นสินทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดรูปแบบหนึ่ง นักลงทุนทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงประโยชน์ของสกุลเงินคริปโต โดยเฉพาะการปลดล็อกอิสรภาพทางการเงิน และมีประเทศหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจในฐานะศูนย์กลางคริปโตเกิดใหม่
สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิสขึ้นแท่นผู้นำด้านการทำธุรกรรมด้วยคริปโตในภูมิภาคแคริบเบียน โดยอ้าแขนรับสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวอย่างเต็มที่ และมีการออกกฎหมายเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินคริปโตง่ายขึ้นภายใต้ร่างกฎหมายสินทรัพย์เสมือนปี 2563 นอกจากนี้ เซนต์คิตส์และเนวิสยังมีสกุลเงินดิจิทัลของตนเองในชื่อ DCash โดยอยู่ภายใต้สหภาพสกุลเงินแคริบเบียนตะวันออก ซึ่งเป็นการตอกย้ำการสนับสนุนสกุลเงินคริปโตของเซนต์คิตส์และเนวิส
ความต้องการสกุลเงินคริปโตที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการนำไปใช้มากขึ้นโดยภาครัฐและภาคธุรกิจในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยบริษัทหลายแห่ง เช่น PayPal และ Twitter ต่างยอมรับสกุลเงินคริปโต ขณะที่เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกที่อนุมัติให้บิตคอยน์เป็นสกุลเงินหลักอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายภาคส่วนจะยอมรับสกุลเงินคริปโตมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังคงรู้สึกกังขา อย่างเช่นจีนที่เพิ่งประกาศแบนการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินคริปโตทั้งหมด
ข้อมูลระบุว่า ในการจัดอันดับ 10 ประเทศที่ใช้สกุลเงินคริปโตมากที่สุดนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นประเทศในเอเชีย ดังนั้น หากประเทศอื่น ๆ สั่งแบนสกุลเงินคริปโคตามรอยจีน ประชากรจำนวนมหาศาลก็ต้องมองหาตลาดอื่นที่ยินดีรับสกุลเงินคริปโต
รายงานล่าสุดเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินคริปโตโดย Chainalysis ระบุว่า "ตลาดเกิดใหม่หลายแห่งหันมาใช้สกุลเงินคริปโตในการปกป้องเงินออมเมื่อค่าเงินลดลง ในการโอนและรับเงิน รวมถึงในการทำธุรกรรมทางธุรกิจ"
เราไม่อาจปฏิเสธประโยชน์ของสกุลเงินคริปโตได้ เนื่องจากช่วยให้การทำธุรกรรมปลอดภัยและเป็นส่วนตัว รวมถึงช่วยให้การโอนเงินเป็นไปอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ หลายคนยังยกย่องว่าสกุลเงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดรูปแบบหนึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกมากขึ้น
นอกจากจะมีทัศนคติที่ดีต่อสกุลเงินคริปโต ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดเศรษฐีคริปโตที่กำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นแล้ว เซนต์คิตส์และเนวิสยังนำเสนอช่องทางที่เชื่อถือได้ในการขอสัญชาติที่สอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มีค่าในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยโปรแกรมการลงทุนเพื่อขอสัญชาติ หรือ Citizenship by Investment (CBI) Programme เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าลงทุนในกองทุนของรัฐบาลเพื่อแลกกับการได้รับสัญชาติ หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดหลายขั้นตอน ทั้งนี้ เซนต์คิตส์และเนวิสมี CBI Programme ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทั้งยังได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์ "มาตรฐานระดับแพลทินัม" และได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกจากการจัดทำดัชนีประจำปี CBI Index
ผู้ถือสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสสามารถเดินทางไปยังเกือบ 160 ประเทศและดินแดนทั่วโลก รวมทั้งได้รับสิทธิในการพักอาศัย ทำงาน และเรียนในประเทศ นอกจากนั้นยังสามารถส่งต่อสัญชาติให้ลูกหลานต่อไปในอนาคต
โทร: +447867942505, อีเมล: pr@csglobalpartners.com, เว็บไซต์ www.csglobalpartners.com