ในระหว่างมหกรรมโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2565 (Mobile World Congress 2022) โทลลี กรุ๊ป (Tolly Group) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านการทดสอบและบริการตรวจสอบและรับรองจากภายนอก ได้เผยแพร่รายงานการทดสอบเปรียบเทียบระหว่างโซลูชันเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ หัวเว่ย คลาวด์แฟบริก 3.0 (Huawei CloudFabric 3.0 Hyper-Converged Data Center Network Solution) กับโซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์เอสดีเอ็น (SDN) ที่ใช้งานเป็นหลักในปัจจุบัน โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า โซลูชันคลาวด์แฟบริก 3.0 ของหัวเว่ยได้คะแนน 3.51 คะแนน ซึ่งมากกว่าโซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์เอสดีเอ็นกระแสหลักถึงที่ได้ไป 2.8 คะแนน นอกจากนั้นยังเป็นโซลูชันเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3.5 เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการรับรองโดยโทลลี กรุ๊ป
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลส่งผลให้เกิดเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้นแบบทวีคูณ ขณะที่การถ่ายโอนข้อมูลสู่คลาวด์ (cloudification) และแอปพลิเคชันใหม่ ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีความต้องการเครือข่ายมากขึ้น และขนาดเครือข่ายก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องด้วยอุปกรณ์เครือข่ายที่มีผู้ขายจำนวนมาก
ในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ หัวเว่ยได้ยกระดับวิสัยทัศน์ของเครือข่ายขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อรับมือกับความซับซ้อนของเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ตลอดจนตระหนักถึงการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษาเครือข่ายอัตโนมัติที่คล้ายกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งเครือข่ายการขับขี่อัตโนมัติจะแบ่งออกเป็นระดับ L0 ถึง L5 โดยแต่ละระดับมีคุณสมบัติและความสามารถหลักที่แตกต่างกัน ครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมดตั้งแต่การวางแผนและการสร้างเครือข่ายไปจนถึงการบำรุงรักษาและการเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการประเมินเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โทลลีได้ทำการทดสอบดัชนีมากกว่า 150 รายการ ครอบคลุม 39 หมวดหมู่ย่อยใน 6 หมวดหมู่ (การวางแผนและการออกแบบ การนำมาใช้และการจัดเตรียม การส่งมอบบริการ การตรวจสอบและการแก้ไขปัญหา การเปลี่ยนแปลงเครือข่าย และการปรับตัวแปร) ใน 4 เฟส (วันที่ 0, วันที่ 1, วันที่ 2 และวัน N) ของวงจรชีวิตศูนย์ข้อมูล ซึ่งหัวเว่ย คลาวด์แฟบริก 3.0 ได้ 3.51 คะแนน และเป็นโซลูชันเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์เพียงโซลูชันเดียวที่โทลลีประเมินเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ L3.5
เควิน โทลลี (Kevin Tolly) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของโทลลี กรุ๊ป กล่าวว่า "โซลูชันเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ หัวเว่ย คลาวด์แฟบริก 3.0 มีข้อได้เปรียบที่สำคัญในด้านการจัดการอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงการจำลองและการตรวจสอบ การจัดการระบบมัลติคลาวด์แบบรวมศูนย์ การประเมินประสิทธิภาพของเครือข่าย และการคาดการณ์ความเสี่ยง"
ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่รวดเร็วขององค์กร เครือข่ายศูนย์ข้อมูลค่อย ๆ พัฒนาจากซิงเกิลคลาวด์ (single-cloud) และซิงเกิลดีซี (single-DC) ไปเป็นการกู้คืนความเสียหายจากระยะไกลแบบอินทราซิตี แอคทีฟแอคทีฟ (intra-city active-active) และมัลติคลาวด์หรือไฮบริดคลาวด์ ปัญหาต่าง ๆ เช่น การจัดการผู้ค้าหลายรายที่ซับซ้อน การเชื่อมต่อมัลติคลาวด์ที่ยุ่งยาก และการดำเนินงานและการบำรุงรักษาขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนได้มีความสำคัญมากขึ้นภายใต้การเปลี่ยนเหล่านี้
โซลูชันเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ หัวเว่ย คลาวด์แฟบริก 3.0 ยกระดับเครือข่ายแบบซิงเกิลคลาวด์ ซิงเกิลดีซี และซิงเกิลเวนเดอร์ เป็นเครือข่ายแบบมัลติคลาวด์ มัลติดีซี และมัลติเวนเดอร์ พร้อมระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบและบริหารจัดการได้อย่างชาญฉลาดทั้งเครือข่าย โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยมากมาย เช่น AOC 3.0, ดิจิทัลทวิน และกราฟความรู้ ซึ่งทำให้หัวเว่ย คลาวด์แฟบริก 3.0 บรรลุการจัดการเครือข่ายที่ต่างกัน การส่งมอบบริการข้ามคลาวด์ภายในไม่กี่วินาที ดำเนินการจำลองและยืนยัน ตลอดจนระบุตำแหน่งข้อบกพร่องระหว่างแอปพลิเคชันและเครือข่ายได้ในไม่กี่นาที โซลูชันนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนานวัตกรรมการบริการที่คล่องตัว และนำไปสู่การให้บริการแบบเรียลไทม์
โซลูชันเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ หัวเว่ย คลาวด์แฟบริก 3.0 ได้รับรางวัลมากมายในอุตสาหกรรมสำหรับข้อได้เปรียบที่แตกต่างในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การเงิน รัฐบาล องค์กรขนาดใหญ่ และผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กรต่าง ๆ และช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
มหกรรมโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2565 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยหัวเว่ยได้ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่าง ๆ ที่บูธ 1H50 ในฟีรา กรัน เวีย ฮอลล์ 1 (Fira Gran Via Hall 1) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพลิกโฉมสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ที่ Huawei Enterprise at MWC 2022 | New Value Together