เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยปัญญาประดิษฐ์ โมฮัมเหม็ด บิน ซายิด (Mohamed bin Zayed University of Artificial Intelligence หรือ MBZUAI) ได้จัดพิธีมอบปริญญาบัตรรุ่นที่ 2 ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาปี 2566 นับเป็นการป้อนบัณฑิตสู่ตลาดเอไอโลกอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความท้าทายเร่งด่วนทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา และสภาพภูมิอากาศ
พิธีมอบปริญญาบัตรจัดขึ้น ณ อาบูดาบี เอเนอร์จี เซ็นเตอร์ (Abu Dhabi Energy Center) โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลายท่านเข้าร่วมในพิธี อาทิ ชีค ฮาเหม็ด บิน ซายิด อัล นะฮ์ยาน (His Highness Sheikh Hamed bin Zayed Al Nahyan), เคาะลีฟะฮ์ บิน โมฮัมเหม็ด บิน คาลิด อัล นะฮ์ยาน (His Excellency Khalifa bin Mohammed bin Khalid Al Nahyan) เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศจอร์แดน และดร.สุลต่าน บิน อาเหม็ด อัล จาเบอร์ (His Excellency Dr. Sultan bin Ahmed Al Jaber) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ผู้ดำรงตำแหน่งประธานการประชุม COP28 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยในพิธีได้มีการมอบปริญญาบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา 59 คน ในหลักสูตรปริญญาโทสาขาคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer Vision หรือ CV) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning หรือ ML) รวมถึงบัณฑิตกลุ่มแรกที่สำเร็จการศึกษาสาขาการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing หรือ NLP) ทั้งนี้ MBZUAI เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาด้านเอไอแห่งแรกของโลก ปัจจุบันรั้งอันดับที่ 19 ของโลกในด้านเอไอ และในสามสาขาหลักที่กล่าวถึงข้างต้น จากการจัดอันดับของซีเอสแรงกิงส์ (CSRankings)
ดร.สุลต่าน บิน อาเหม็ด อัล จาเบอร์ กล่าวว่า "เอไอมีความสำคัญอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัย MBZUAI จึงเดินหน้าผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีเอไอผ่านการวิจัยขั้นสูง ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม และที่ขาดไม่ได้คือการเสริมสร้างศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอรุ่นต่อไป เรามั่นใจว่าผู้สำเร็จการศึกษารุ่นปี 2566 จะสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้ง และช่วยพัฒนาโซลูชันเอไอที่จับต้องได้เพื่อเอาชนะความท้าทายที่สำคัญของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสภาพภูมิอากาศ สุขภาพ และการศึกษา"
ศาสตราจารย์ เอริก ซิง (Eric Xing) อธิการบดีมหาวิทยาลัย MBZUAI กล่าวว่า "นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญเนื่องจากสาธารณชนในวงกว้างต่างหันมาสนใจเอไอ ทั้งนี้ ด้วยย่างก้าว ขนาด และความทะเยอทะยานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะประเทศอายุน้อย ทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลกที่ดึงดูดคนเก่งด้านเอไอจากทั่วโลก ในโอกาสนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษารุ่นปี 2566 ที่กำลังเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่"
ทั้งนี้ ผู้สำเร็จการศึกษา 59 คน ได้แก่ สาขาการเรียนรู้ของเครื่อง 32 คน คอมพิวเตอร์วิทัศน์ 20 คน และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ 7 คน ประกอบด้วยบัณฑิต 25 สัญชาติจากหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย ปากีสถาน คาซัคสถาน ฮังการี อิตาลี สหรัฐอเมริกา และจอร์แดน ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลายและครอบคลุมเพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถจากทั่วโลก
ผู้สำเร็จการศึกษารุ่นปี 2566 มีเอกสารทางวิชาการ 17 ฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์หรือได้รับการยอมรับจากการประชุมรายการใหญ่และวารสารระดับนานาชาติ ซึ่งรวมถึงการประชุมไออีอีอี/ซีวีเอฟ ว่าด้วยคอมพิวเตอร์วิทัศน์และการรู้จำแบบ (IEEE/CVF Conference on Computer Vision and Pattern Recognition หรือ CVPR 2023), วารสารพลังงานฟิสิกส์ (Journal of Physics Energy) และวารสารไออีอีอี แอกเซส (IEEE Access) เป็นต้น
จนถึงขณะนี้ 46% ของบัณฑิตมีงานทำเป็นที่แน่นอนแล้ว หรือศึกษาต่อระดับปริญญาเอก หรือฝึกงานโดยได้รับค่าตอบแทน โดยบัณฑิตรุ่นนี้ได้ทำงานกับองค์กรชั้นนำมากมาย เช่น สแนปแชต ยูเค (Snapchat UK), บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (Abu Dhabi National Oil Company), สำนักงานตำรวจอาบูดาบี (Abu Dhabi Police), จีโฟร์ตี้ทู เฮลท์แคร์ (G42 Healthcare) และสถาบันปัญญาประดิษฐ์อินเซปชัน (Inception Institute of Artificial Intelligence หรือ IIAI) ในเครือจีโฟร์ตี้ทู