เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับคณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม จัดเสวนาพิเศษ Tech Talk Season 2 #11 “Success Stories รู้จัก Rhythm Thailand จาก Zero จนเป็น Hero สู้ชีวิตกับธุรกิจ 100 ล้าน” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรพิเศษคือ คุณอิงอร ดิลกธราดล CEO Innovation Time Co., Ltd. ณ ห้อง Auditorium 1 อาคาร 40 ปีมหาวิทยาลัยศรีปทุม พอสรุปประมวลความได้ดังต่อไปนี้
คุณอิงอร เล่าว่า นาฬิกา Rhythm บริษัท Innovation Time เป็นบริษัทผู้ดูแลการจัดจำหน่าย ในประเทศไทย นาฬิกา Rhythm เป็นแบรนด์ที่คนอายุ 30 ปีขึ้นไปจะรู้จักดีแต่น้องๆ รุ่นใหม่ๆ นี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักเท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่ดูเวลาจาก Smart Phone สำหรับประเทศไทย นาฬิกา ริธึ่ม (RHYTHM) ได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ใน อันดับต้นๆ ของวงการนาฬิกานารกว่า 40 ปี โดย บริษัท อินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา "ริธึ่ม"ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2548จนถึงปัจจุบัน ภายใต้นโยบายที่มุ่งเน้น ในด้านคุณภาพด้านผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขาย เพื่อประโยขน์สูงสุดของผู้ใช้และผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย (www.rhythm-thailandagent.com) คุณอิงอร ได้เล่าถึงชีวิตเธอว่า ตอนเธอเป็นเด็ก พ่อแม่อยากให้เรียนวิทย์-คณิต ได้เข้าเรียนวิทย์-คณิต ห้องรอง King โดยได้เข้าเรียนที่โรงเรียน ในจังหวัดพัทลุง เรียนคณิต ผลการเรียนได้ 4 ตลอด ต่อมาได้สอบ Entrance ตรง คือ Entrance ประจำภาคได้ ไม่อยากอยู่จังหวัดเดิมตรงนั้น แต่อยากเห็นแสงสี และอยากเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ เลือกคณะเวอร์ คือ เลือกคณะวิศวะ อันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 เลือก พยาบาล ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในเทอมแรกได้เกรดเฉลี่ย 1.7 ไม่ถึง 2 ตอนนี้มาถึงจุดวิกฤต ทางมหาวิทยาลัยจะมีหนังสือส่งแจ้งเตือนไปที่บ้าน วันเสาร์-อาทิตย์ จึงรีบเดินทางกลับไปที่บ้าน เพื่อไปรอดักรับจดหมายจากทางไปรษณีย์ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่รู้ ในครั้งแรกดักรอรับจดหมายได้ ตอนเรียนอยู่นั้น ไม่อยากเข้าเรียนวิชาเกี่ยวกับชีววิทยา (Biology) พอในเทอมที่ 2 ได้เกรดเฉลี่ย 1.5 จะโดน First Pro จึงจะมีจดหมายแจ้งเตือนจากทางมหาวิทยาลัยส่งไปอีก จึงรีบลงไปดักรับจดหมายอีก ในครั้งที่ 2 นี้ ดักรับจดหมายไม่ทัน แม่มาดักรับเอาไว้ก่อน เมื่อแม่อ่านจดหมายจึงถามว่า นี่คืออะไร แม่จึงพูดว่า หาเงินส่งความเรียนหรืออย่างไร เพราะส่วนใหญ่คนที่บ้านเรียนเก่งกันหมด พี่ชายเป็นหมอ พี่สาวเป็นพยาบาล ต่อมาถูกพ่อแม่เรียกประชุมรวม เพราะไม่ได้เกรด A จึงทำเป็นโมโห กลบเกลื่อน ในปีต่อมาขึ้นปี 2 เลือกวิชเอก หรือ Major เพื่อนเลือกให้ เพราะติด Pro หาตัวเลือกไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือก จึงเลือกวิชาที่เหลือ คือเลือก MAT-ฟิสิกส์ ปรากฎว่า มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ผลการเรียนหรือเกรดเฉลี่ยได้ 2.0 เพราะได้เรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ และทำได้ดี ดังนั้น อยากจะบอกนักศึกษาว่า เวลาเราเจอปัญหาแล้วอย่ากลัว เพราะว่าตนเองเคยลืมไปสอบ และขอให้อาจารย์เปิดรายวิชาใน Summer ให้ และตนเองเป็นคนเดียวที่เรียน Summer เมื่อเราเจอปัญหา เราต้องแก้ปัญหาเองอย่าให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน
อยากฝากเพิ่มเติมว่า“ขอให้มีความฝันว่า เราอยากเป็นอะไร เพราะว่า ความฝันทำให้เราอยากเป็นอะไรไปได้เรื่อยๆ” สำหรับตนเองก็เคยฝันอยากเรียนปริญญาโท อยากเป็นนักวิชาการ อยากเป็นอาจารย์ อยากเรียนวิศวะ ได้รู้จักอาจารย์ก้อย (ผศ.ดร.ปราลี มณีรัตน์) และได้รู้จักเพื่อนคีออส (Kiosk) ที่เป็นรถขายของตามห้าง ค่าเช่าเดือนละ 3 บาท เมื่อ 15 ปีที่แล้ว จึงรับเอานาฬิกามาขายบ้าง เช่น เอาไปขายที่คลองถม สำเพ็ง ตอนแรกไม่อยากขายของ เพราะพ่อแม่ขายของ แต่เพื่อนชวนมาขาย จึงอยากทำ เพราะว่าท้าทายดี สนุกดีมาก เดือนหนึ่งขายได้ 3 แสนบาท เอานาฬิกาถูกราคา 199 บาทมาขาย ทำงานอย่างนี้แล้วสนุกดี ไม่ได้คิดว่าจะร่ำรวย แต่มันสนุก น้องๆ ที่มาอยู่กับเราก็รวยขึ้น ต่อมาก็เบื่อวนไปวนมา เอาของจากสำเพ็งมาขาย ให้น้องช่วยขาย เบื่อ เห็นมาหมดแล้ว ตอบโจทย์ได้หมดแล้วก็เบื่อ เคยอ่านหนังสือ พอถึงวันหนึ่งก็เบื่อ เปิดคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ตอนนั้น ค้นหานาฬิกา จนมาเจอแบรนด์นาฬิกา ริธึ่ม (RHYTHM) พอนำมาขายทำให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงคนอื่นได้ แต่ก็ยังไม่ท้าทายเพียงพอ เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ชอบเรื่องที่ท้าทายเป็นคนชอบลุ้น เมื่อเรามีความฝันแล้ว ทำให้เราอยากลุ้นความฝันเหล่านั้น
แบรนด์นาฬิกา ริธึ่ม (RHYTHM) เป็นแบรนด์ของประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้เราก็เคยได้ยินแบรนด์นี้กันมานานแล้ว แต่ได้ขาดช่วงไประยะหนึ่ง ถ้าเป็นคนในยุคก่อนๆ คงรู้จัก แต่ถ้าเป็นเด็กอายุ 20 กว่าๆ อาจจะไม่ค่อยรู้จัก ตนเองก็มีความสนใจอยากจะนำนาฬิกาแบรนด์นี้มาขายในประเทศไทย จึงได้ส่งอีเมลไปหาเจ้าของเขา ปรากฎว่า ส่งอีเมลไปแล้วหายเงียบ เขาบอกว่า เขาอ่านแล้ว เขาไม่รู้เรื่อง จึงโทรศัพท์ไปหาเขา ผู้บริหารใหญ่ที่ฮ่องกงจะบินไปเรื่องการทำธุรกิจที่ประเทศอินเดีย และมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพฯ เขาบอกว่าฉันอยากเจอคุณ และบอกว่าให้ไปรับเขา เขาพักที่โรงแรม Landmark สุขุมวิท ตนเองมีรถอยู่ 1 คัน รถตัวเองก็เก่าๆ จึงขอยืมรถเพื่อนหรูๆ หน่อย คือ Honda Accord ไปรับเขาที่สนามบิน กลยุทธ์เทาๆ ขาวๆ หรือดำๆ ก็ไม่มี จะพาไป Office และวันนั้น Office ก็ปิด มีแต่ตัวไม่มีอะไรไป ไปนั่งคุยกับเขาที่ห้อง Lobby โรงแรม 5 ชั่วโมง น้ำไม่ได้กิน คุยกับเขาไม่รู้เรื่องและต้องวาดรูปให้เขาดู ทำ Flow Chart ให้เขาดู พอดีว่าเคยเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มา อาจารย์เขาบอกว่า อยากทำอะไร และต้องการทำอะไร ก็ให้วาดเป็น Flow Chart ขึ้นมาก่อน แล้วเขาก็ถามว่า แล้วคุณมีบริษัทแล้วหรือยัง ก็บอกเขาไปว่า ไม่มี เขาถามว่าและจะทำอย่างไรต่อไป เขาจึงถามว่า ถ้าให้คุณไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทวันพรุ่งนี้เลย คุณมีทุนเท่าไหร่ ตอนนั้นมีทุนอยู่จำนวน 2 ล้านบาท จึงตอบเขาไปว่า 2 ล้านบาท เขาพูดว่า 2 ล้านปิดบริษัทเลย เพราะไม่เพียงพอ จากนั้น เราจึงหยิบโฉนดที่ดินมาให้ มีบ้านอยู่ 1 หลัง เราจึงพูดว่า ถ้าให้ฉัน ฉันก็อยากทำ แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย เขาบอกว่า บ้านคือชีวิตของคุณ คุณเสี่ยงมากนะที่จะเอาบ้านมาลงทุน ก่อนหน้านี้ตัวฉันเองก็ไม่มีบ้าน เขาบอกว่า ฉันให้เวลาคุณ 6 เดือน คุณทำตลาดได้ไหม เราจึงตอบว่า ทำได้ เขาจึง Say yes เหมือนคนบ้ากับคนบ้าคุยกัน เอาเอกสารและทุนมาตอนเช้า จดทะเบียนบริษัท ปรากฎว่า ได้ที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ราชดำริ มีผู้ใหญ่ใจดีให้เช่าพื้นที่ 4 คูหา อยู่ตรงข้ามกับ Central World สำหรับพื้นที่ 4 คูหานี้ หากซื้อด้วยเงินสดไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้าน ในตอนนั้น ได้ขอยืมเพื่อน-ญาติ และพ่อแม่ ในช่วงเวลานั้น ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนเขาไม่คิดว่าจะทำได้ รับนาฬิกามาขาย 2 เดือนขายได้หมด สั่งมาจำนวน 1,0500 ชิ้น ส่งไปขายร้านค้าทั่วประเทศไทย เวลาผ่านไป 1 เดือน ปล่อยไปหมด 1,0200 ชิ้น นั่งรถเดินทางไปขายทั่วประเทศไทย มีทีมงานด้วยประมาณ 20 คน ขนสิ้นค้าใส่รถปิคอัพไปจังหวัดเพชรบุรี นครปฐม ที่เดินทางไปนั้นไม่รู้จักลูกค้าเลย ต้องลดอัตตาลง คิดว่าทำเพื่อคนอื่น อย่าทำเพื่อตนเอง ก่อนเข้าร้านหาลูกค้านั้น ต้องมีธรรมะ คือ อัตตา (ลดความเป็นตัวตนลง) คือถ้าลูกค้าปฏิเสธมา เราก็จะเจ็บปวด ตัวเองเคยสอนหนังสือมาเคยเป็นอาจารย์ที่เคยสวดมนต์มา ตัวเองต้องไม่มีตัวตน ไปที่ไหนไม่เคยกลัวเลย รับสิ้นค้ามา 1,0500 ชิ้น ขายได้ 1,0200 ชิ้น จำนวนเม็ดเงินที่ได้ OK เป็นลักษณะ Cash Flow (กระแสเงินสด หรือมีเงินทุนหมุนเวียน) จนมีคนเคยถามว่า คุณไม่กลัวฉันโกงหรือ? สิ่งที่บริษัท Innovation Time หรือนาฬิกา ริธึ่ม (RHYTHM) ยึดถือก็คือ Brand, Plan, Team, Decorate ดังนั้น การออกแบบของนาฬิการิธึ่ม (RHYTHM) จะเน้นไปที่การเป็น Home Decoration เน้นเป็นเครื่องประดับประจำบ้าน และมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มแรก (The Story of beginning) นาฬิกา ริธึ่ม (RHYTHM) ราคาแพงที่สุดที่ขายได้คือเรือนละ 4.5 แสนบาท “ต้องให้คนไทยทุกคนใช้ได้” คือคนมีเงินน้อยก็สามารถใช้ได้ คนมีเงินมากก็ใช้ได้ เป็นเครื่องตกแต่งประจำบ้าน
ปัจจุบันบริษัท Innovation Time หรือนาฬิการิธึ่ม (RHYTHM) มีพนักงานประจำอยู่ 120 คน ทุกปีจะมีการจัด Activities มีพาพนักงานไปเที่ยวต่างจังหวัด เช่น จังหวัดภูเก็ต มีไปเที่ยวต่างประเทศ เช่น เกาะฮอกไกโด มีการจัดกิจกรรม Activities with dealer มีการทำกิจกรรม CSR บริจาคช่วยเหลือคนตาบอด บริจาคช่วยมูลนิธิอุทกพัฒน์ จัดประชุม Global Conference Thailand 3 ปีซ้อน มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 600 ร้านค้า ตอนนี้ที่ตัวเองได้เบนเข็มมาทำธุรกิจด้านนี้เข้าเป็นที่ 13 แล้ว ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย ยืนอยู่บน Brand เดียวและมีความเสี่ยงร่วมกับพี่ชายด้วย..
บทความโดย ผศ.สุพลพรหมมาพันธุ์ อาจารย์ที่ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม