มีใครหลายคนเคยกล่าวไว้ว่าอาชีพครู ก็เปรียบเสมือนเรือจ้าง แต่ครูเป็นเรือจ้างที่ไม่รับค่าโดยสารไม่มีค่าบริการใดๆแต่มีความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ด้วยความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทร ความใส่ใจในการดูแลอย่างดีที่สุดในระหว่างการเดินทาง เมื่อนั้นเรือจ้างลำนี้ก็จะมีความสุขใจ ปลื้มปีติใจทุกครั้งที่เห็นผู้โดยสารถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย และเขาเหล่านั้นสามารถที่จะดำเนินชีวิตที่ดีมีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมั่นคง เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมที่หล่อเลี้ยงชีวิต นี้คือค่าโดยสารที่ครูต้องการถึงแม้จะรอค่าโดยสารนานแค่ไหน แต่ก็ชื่นใจ อิ่มเอมทุกครั้งที่ได้เห็นได้ยินข่าวความสำเร็จ ความก้าวหน้าในชีวิตของลูกศิษย์ วันนี้จึงจะขอนำทุกท่านมาทำความรู้จักและพูดคุยกับ “แม่ติ๋ม” ผศ.ดร.วราภรณ์ ไทยมา คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ซึ่งเป็นครูด้วยหัวใจ “เรียนอะไรให้เรียนเพราะชอบ และมีใจรัก”
“แม่ติ๋ม” คณบดีผู้เป็นครูด้วยหัวใจ
แม่ติ๋ม : สวัสดีนักศึกษาและทุกๆคนค่ะ ครูชื่อ ผศ.ดร.วราภรณ์ ไทยมา หรือ แม่ติ๋ม เป็นคณบดีคณะศิลปศาสตร์ SPU ค่ะ ซึ่งแม่ติ๋มมาเป็นครูด้วยหัวใจ เพราะครูสอนเด็กทุกคนจากหัวใจ ดั่งคำพูดของท่านอธิการบดี ม.ศรีปทุม ที่ว่า “เป็นครูต้องสอนมาจากหัวใจ” เล่าให้ฟังสักนิดว่าคณะศิลปศาสตร์ของเราก่อตั้งมากว่า 32 ปี แล้วค่ะ นักศึกษาของเรามั่นใจได้เลยว่าทางคณะนั้นเด่นและเน้นในด้านของภาษาโดยตรง ในยุคนี้เราได้มีการเสริมความรู้ในด้านของธุรกิจเข้ามาร่วมด้วย เป็นการสื่อสารเพื่อทุกธุรกิจในอนาคตเลยค่ะ
ไม่เก่งไม่เป็นไร เราเตรียมพร้อมให้ทุกคน
แม่ติ๋ม : ใครไม่เก่งไม่เป็นไร เรามีการปูพื้นฐานในด้านภาษาให้ อีกทั้งมีความร่วมมือกับ Wall Street และ English Andrew biggs Acedemy สำหรับเด็กที่เข้ามาเรียนใหม่ทุกคนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ โดยล่าสุดเรามีการเปิดกรุ๊ป Line เพื่อให้นักศึกษาทราบข่าวสาร หรือ รายละเอียดในด้านการเรียน ซึ่งนอกจากเรื่องเรียนแล้วเราจะมีโค้ชคอยดูแลเอาใส่ใจเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด คอยดูแลว่าเด็กๆ มีปัญหาตรงจุดไหนหรือไม่ค่ะ
เรียนจบแล้วมั่นใจได้เลย ว่าทักษะภาษาดีขึ้นแน่นอน
แม่ติ๋ม : นักศึกษาที่เข้ามาเรียนในคณะของเรา ขอให้มั่นใจได้เลยค่ะว่า ความสามารถทางด้านภาษาของทุกคนจะมีความพร้อมขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเรามีการวัดระดับด้านภาษาอย่างต่อเนื่องในคลาสเรียนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เด็กของเรามีความคุ้นเคยกับการสอบ และคุ้นเคยข้อสอบก่อนลงสนามจริง อย่างเช่น สาขาวิชาภาษาอังกฤษสื่อสารธุรกิจ จะมีการวัดระดับความรู้ในด้าน TOEIC และ TOEFL ของสาขาภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสารธุรกิจเองก็จะมีการวัดระดับความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่น JLPT ด้วยเช่นกัน สำหรับในสาขาภาษาจีนสื่อสารธุรกิจ ก็จะมีการวัดระดับความรู้ HSK ค่ะ เพราะฉะนั้นเด็กของเราจึงรู้ว่า เมื่อตนเองเรียนจบแล้วจะมีพื้นฐานความรู้ในด้านภาษาดีในระดับนึงแล้วค่ะ
ได้ภาษาได้เปรียบแน่นอน!
แม่ติ๋ม : ได้ภาษาได้เปรียบแน่ค่ะ ยิ่งใครได้ภาษาที่สามอย่างจีนหรือญี่ปุ่นจะยิ่งได้เปรียบกว่าคนอื่นแน่ค่ะ โดยเฉพาะในยุคนี้ ที่ประเทศจีนได้กลายมาเป็นประเทศซึ่งมีตลาดการค้าขนาดใหญ่ หรืออย่างประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมมากมาย โดยธุรกิจต่างประเทศก็ล้วนต้องใช้ภาษานั้นๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นใครได้ภาษาก็ยิ่งไปได้ไกลกว่าค่ะ
อยากไปเมืองนอก เราก็มีเส้นทางให้ไป
แม่ติ๋ม : เด็กของเราส่วนใหญ่ได้ไปสหกิจศึกษานานาชาติที่ต่างประเทศด้วยค่ะตัวอย่างเช่นรุ่นพี่ปีก่อน ซึ่งได้ฝึกสหกิจศึกษาในโรงแรมไกลถึงประเทศญี่ปุ่นหลายคนเลยค่ะ หรืออย่างสาขาภาษาจีนสื่อสารธุรกิจเอง จะมีโครงการ Dual Degree คือเรียนที่ไทยสองปีก่อนไปเรียนต่อที่จีนอีก 2 ปี คือโครงการ 2+2 ค่ะ ซึ่งในหลายสาขาเด็กของเราจบไปก็จะได้ทำงานที่จำเป็นต้องใช้ภาษาด้วยค่ะ อย่างเช่นรุ่นพี่ที่จบไปก็ได้งานที่ King Power หรืองานในโรงแรมต่างประเทศก็มีค่ะ
เงินเดือนสายภาษาไม่ควรมองข้าม
แม่ติ๋ม : ข้อดีของเรื่องเงินเดือนสายงานที่ใช้ทักษะด้านภาษานั้นจะสตาร์ทเริ่มต้นสูงกว่าค่ะ อีกทั้งยังมีตลาดแรงงานรองรับหลังเรียนจบสูงอีกด้วย เพราะสายงานด้านภาษานั้นสามารถประยุต์ได้หลายหลาย สายงานจึงกว้างขวางกว่าค่ะ
เรียนภาษาให้เก่ง จะต้องมีใจรัก
แม่ติ๋ม : อยากเรียนได้ดี หรืออยากเรียนให้ประสบความสำเร็จอย่างแรกเราต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษาก่อน คือเราต้องมีความชอบ หรือ รักในสิ่งที่เราจะเรียนก่อนค่ะ และค่อยๆ พยายามเอาตัวเองเข้าไปเรียนรู้ในสิ่งนั้น แน่นอนว่าอาจารย์ที่นี่ดูแลเอาใจใส่เด็กๆ ทุกคน ดังนั้นถ้าเราตั้งใจเรียน อาจารย์ที่นี่ก็พร้อมซัพพอร์ตเด็กทุกคนเสมอค่ะ ดังนั้นยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกคนเลยนะคะ ถ้าชอบแล้วก็ลงมือเลยค่ะ แม่ติ๋มรอต้อนรับทุกคนอยู่เสมอนะคะ
#Dek64 #SPU #ศรีปทุม #TCAS64 #GATPAT64 #ONET #Portfolio #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง #คณะศิลปศาสตร์