บทความพิเศษ : โควิด อโคจร อนาคตของสังคมไทย

การศึกษา ภาษา ติวเตอร์

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ในแต่ละระลอกที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในวงกว้างนั้น เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาดจากแหล่ง อโคจร เกือบทั้งสิ้น

ที่ผ่านมา ประเทศไทยค่อนข้างประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาด จนได้รับความชื่นชมอย่างกว้างขวาง โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็งแต่ ณ วันนี้ เป็นที่ชัดเจนว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ในแต่ละระลอกที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในวงกว้างนั้น เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาดจากแหล่งอโคจรเกือบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสนามมวยบ่อนไก่บ่อนการพนันแหล่งบันเทิงกิจกรรมรื่นเริงและแคมป์คนงานที่กำลังแพร่หลายและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางอยู่ในปัจจุบัน

สถานที่อโคจรนั้นย่อมหมายถึงสถานที่อันไม่ควรเข้าไปหรือบุคคลที่ไม่ควรไปมาหาสู่หรือสถานที่เสี่ยงต่อความเสียหายที่บุคคลไม่ควรเข้าไป รวมทั้งการเที่ยวไปอย่างไม่สมควรหรือความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ดังปรากฏในพระพุทธศาสนาที่ท่านได้กำหนดสถานที่อโคจรที่พระภิกษุไม่ควรไปมาหาสู่ไว้ 6 ประการ

ในสถานการณ์ปกติสถานที่ที่จัดเป็นอโคจรนั้นย่อมเป็นสถานที่ที่จะเป็นอันตรายและก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อการดำเนินชีวิตทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกียรติยศชื่อเสียงข้อครหานินทาต่าง ๆที่ท่านเรียกว่า ทำให้อกุศลธรรมเจริญขึ้นมาได้ เพราะการไปเที่ยวตามแหล่งบันเทิงและแหล่งเสพสุรา เป็นต้นนั้นมีแต่สร้างความเสื่อมเสียทั้งสิ้น

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง สถานที่อโคจรก็ยิ่งทวีความเป็นอโคจรเพิ่มมากขึ้นเพราะพฤติกรรมในสถานที่อโคจรเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้มีการแพร่ระบาดของไวรัสได้มากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากจำนวนผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์แหล่งการพนันสถานบันเทิงกิจกรรมรื่นเริงมีจำนวนมากขึ้นทั่วประเทศ

เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดจากสถานที่อโคจรนี้จะเห็นได้ว่า มาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือประการแรกความอ่อนแอของมาตรการทางด้านกฎหมายและทางด้านสาธารณสุขที่แม้ดูเหมือนจะมีความเข้มแข็งในข้อกฎหมายและข้อปฏิบัติทางด้านสาธารณสุข ที่มีการกำหนดข้อกฎหมายและข้อปฏิบัติต่าง ๆ อย่างเข้มงวดหากแต่ในทางปฏิบัติแล้วนับว่ามีความอ่อนแอเป็นอย่างยิ่งเพราะข้อกำหนดต่าง ๆ เหล่านั้น ถูกปล่อยปละละเลยไม่ว่าจะด้วยเหตุปัจจัยใด ๆ ก็ตาม

ประการที่สอง ความอ่อนแอทางด้านจริยธรรมสาเหตุสำคัญของการนำไปสู่การแพร่ระบาดอันเนื่องมาจากสถานที่อโคจรนั้นมิใช่เพียงแต่การละเลยไม่ให้ความสำคัญต่อมาตรการทางด้านกฎหมายและมาตรการทางด้านสาธารณสุขเท่านั้น หากแต่ยังมาจากการขาดสำนึกรับผิดชอบทั้งต่อชีวิตของตัวเองและความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมโดยขาดการมองว่า พฤติกรรมส่วนตัวนั้นมีแต่จะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะมีต่อชีวิตและสังคมและในท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อมองการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในแต่ละระลอกแม้จะมีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดแต่จุดที่เป็นปัจจัยหลักร่วมกันก็คือ ความอ่อนแอของการกำกับมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางด้านสาธารณสุขให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งมีรากฐานสำคัญมาจากความเห็นแก่ตัวของบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบ การขาดสำนึกรับผิดชอบที่มีต่อชีวิตและสังคม

แล้วยังจะมีอะไรที่จะน่ากลัวเท่ากับการที่คนเราขาดจิตสำนึกที่มีต่อชีวิตและสังคมอีกเพราะถ้าขาดจิตสำนึกทั้งต่อชีวิตของตนและสังคมแล้วเขาย่อมจะทำอะไรลงไปก็ได้ดังจะเห็นได้ว่า แม้สังคมจะอยู่ในภาวะวิกฤติอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดแต่ก็ยังมีผู้ที่มีใจที่จะไปเที่ยวแหล่งอโคจรขาดจิตสำนึกในการตระหนักถึงภัยร้ายแรงของไวรัสโควิดและยังละเลยมาตรการด้านกฎหมายและด้านสาธารณสุขจนทำให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรงขยายออกไปในวงกว้างอยู่ในปัจจุบัน

อันที่จริงแล้ว ในภาวการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้สถานที่ใด บุคคลใดหรือกิจกรรมใดก็ตามที่เรามีความคุ้นเคยในชีวิตประจำวันแต่ถ้าเสี่ยงต่อการทำให้เกิดการติดเชื้อและระบาดของเชื้อแล้วสถานที่บุคคล และกิจกรรมนั้น ๆ ย่อมจัดเป็นอโคจรทั้งสิ้น ดังจะเห็นได้ว่า หลาย ๆ ประเทศก็กลายเป็นประเทศที่เป็นอโคจรไปเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น ในปัจจุบัน แม้กระทั่งวัดเองหรือกิจกรรมการทำบุญในทางศาสนาก็อาจจัดเป็น “อโคจร” ได้เช่นกันเพราะความเป็นอโคจรในปัจจุบันถูกกำหนดด้วยความหนาแน่นของผู้คนการพบปะกันของผู้คนการดื่ม การสังสรรค์ร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การติดเชื้อและแพร่เชื้อ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ทั้งในด้านชีวิตเศรษฐกิจ และสังคม อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะนอกจากจะส่งผลลบต่อมนุษยชาติทำให้มนุษย์ต้องแสวงหาวิถีทางในการใช้ชีวิตใหม่หรือที่เรียกว่า ความปกติใหม่ (new normal) แล้วการแสวงหาความรู้ความเข้าใจในความเป็นอโคจรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อเลี่ยงการติดและแพร่เชื้อ

ความเชื่อและความหวังในการพึ่งวัคซีนแต่เพียงอย่างเดียวนั้น อาจไม่ทันการที่จะช่วยระงับยับยั้งการแพร่ระบาดและความรุนแรงของไวรัสนี้ได้และคงไม่ต่างอะไรกับการหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไสยศาสตร์ที่จะมาช่วยดลบันดาลให้ชีวิตแคล้วคลาดปลอดภัยจากไวรัสโควิด

แท้จริงแล้ว ความไม่ประมาทและความมีสำนึกในการดูแลป้องกันตนเองอย่างน้อยหันไปสมาทานศีลในยุคโควิด “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ดังที่เคยสมาทานเมื่อแรกเผชิญหน้าโควิดในรอบแรก ก็จะทำให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสหรือย่างน้อยก็หยุดยั้งการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี

เมื่อแต่ละบุคคลมีความรู้ความเข้าใจมีจิตสำนึกความรับผิดชอบ สามารถที่จะดูแลรักษาตนเองได้ก็เท่ากับรักษาสังคมของเราไว้ได้เช่นกันเพราะไม่เช่นนั้นแล้วในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยทั้งประเทศก็จะกลายเป็นแหล่งอโคจรไปในที่สุด.

บทความพิเศษ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนภณ สมหวัง

สำนักวิชาการศึกษาทั่วไปมหาวิทยาลัยศรีปทุม

#มหาวิทยาลัยศรีปทุม #SripatumUniversity #SPU #ศรีปทุม #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง #สำนักวิชาการศึกษาทั่วไป

เบอร์โทร : 0824995636
เว็บไซต์ : spu.ac.th
  • ผู้โพสต์ :
    kanokpong
  • อัพเดทเมื่อ :
    13 ก.ค. 2021 14:39:24

ลงข่าวประชาสัมพันธ์ ฟรี คลิกที่นี่

 

X

เว็บไซต์เรามีการใช้คุกกี้ คลิกเพื่อดู นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา