เจาะลึกหุ้นกู้ Perpetual Bond “สยามพิวรรธน์”
เสริมความแข็งแกร่ง-สร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มสู่ New Economy
“สยามพิวรรธน์” เป็นน้องใหม่ในวงการตลาดทุนที่เพิ่งประกาศแผนการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (Perpetual Bond) หรือ “หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” ซึ่งสร้างความฮือฮาไม่ใช่น้อย เพราะสยามพิวรรธน์ เป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกสมัยใหม่ เป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการระดับโลก ที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ
ความน่าสนใจของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนฯ ของสยามพิวรรธน์ จึงไม่ใช่เรื่องอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกที่ 5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน แต่เป็นการเปิดโอกาสครั้งแรกให้กับนักลงทุน High Net Worth ที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญของสยามพิวรรธน์ได้มีส่วนร่วมกับการเติบโตของบริษัท
หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ เป็นตราสารที่มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนหุ้นกู้ทั่วไป เพราะจะคล้ายกับการถือหุ้นบุริมสิทธิ ตามชื่อที่บอกอยู่แล้วว่าเป็น หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไข เว้นแต่ผู้ออกหุ้นกู้สิทธิไถ่ถอนคืนก่อนกำหนด (Call Option)
ด้วยชื่อของตราสาร ทำให้เกิดคำถามว่า ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนหรือไม่ แถมผู้ออกหุ้นกู้ยังมีสิทธิเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย จึงขอสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนฯ มีดังนี้
หลักในการพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนฯ
จุดเด่นของธุรกิจ “สยามพิวรรธน์”
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ดำเนินธุรกิจมากว่า 63 ปี เป็นเจ้าของและดำเนินกิจการศูนย์การค้า 5 แห่ง และอาคารสำนักงาน 1 แห่ง โดยศูนย์การค้า 3 แห่ง คือ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่ ตั้งอยู่บริเวณสยามสแควร์ และไอคอนสยาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนถนนเจริญนคร และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ลักชัวรี่เอาท์เล็ต แห่งแรกแห่งเดียวในไทย ตั้งอยู่ใกล้บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ทำเลของศูนย์การค้าเป็นที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าที่สะดวกกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการชำระค่าสิทธิการเช่าที่ดิน และปรับปรุงธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตวิถีใหม่สู่อนาคต โดยสยามพิวรรธน์เผยว่า มีแผนงานที่จะขยายธุรกิจสู่New Economy ในหลายประเภท ตลอดจนการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมธุรกิจหลักเข้ากับธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรใน Ecosystem และเตรียมขยายธุรกิจด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในอีก 1-3 ปีข้างหน้า
เครดิตเรทติ้งระดับ Investment Grade
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตของบริษัทสยามพิวรรธน์ อยู่ที่ “A-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) และ อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ที่ “BBB” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565
สถานะทางการเงินมั่นคง ฟื้นตัว
บริษัทสามารถรักษาสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี มีกระแสเงินสดเข้าสม่ำเสมอ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564อัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.99 เท่า (ตามงบการเงินตรวจสอบแล้วของกิจการ)
ทริสเรทติ้ง คาดการณ์การดำเนินงานของบริษัท ในปี 2565-2567 ดังนี้
รายได้ในปี 2565 จะฟื้นตัวใกล้เคียงกับระดับในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
รายได้ในปี 2566-2567 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี
อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ประมาณ 40-43%
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุน (Debt to Capitalization) จะอยู่ที่ระดับ 65-70%
การจองซื้อหุ้นกู้ Perpetual Bond
คำเตือน :
- หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงและซับซ้อนกว่าหุ้นกู้ปกติ โดยมีความเสี่ยงที่ระดับ 7 จากทั้งหมด 8 ระดับ
- ผู้ลงทุนควรทำความความเข้าใจลักษณะหุ้นกู้ เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่หนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายตราสารหนี้