ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,820.38 จุด ลดลง 164.55 จุด หรือ -0.48%
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) โดยระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ โดยเฟดเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ว่า "ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่คณะกรรมการเฟดจะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตาม"
"เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เราจะแจ้งให้สาธารณชนได้รับรู้ว่าเราจะหารือกันในเรื่องดังกล่าวเมื่อใด เราจะส่งสัญญาณให้รู้ล่วงหน้าหากเราจะตัดสินใจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร ขณะเดียวกัน เราจะจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับเป้าหมายต่างๆ ของเรา โดยเราคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่เราจะเห็นเป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลอย่างยั่งยืน" นายพาวเวลกล่าว
-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อคืนนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์
-- ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้เสนอให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินต่ออินเดียที่กำลังประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียจะจัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์น้ำหนักมากกว่า 22 ตันแก่อินเดีย ซึ่งรวมถึงเครื่องผลิตออกซิเจน 20 เครื่อง, เครื่องช่วยหายใจ 75 เครื่อง และเวชภัณฑ์จำนวน 200,000 ชุด
-- คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศเมื่อวานนี้ว่า จีนจะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ ตามการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ทั้งนี้ จีนจะปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล 100 หยวน/ตัน และ 95 หยวน/ตัน ตามลำดับในวันพรุ่งนี้
-- เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของนายอีลอน มัสก์ ส่งหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) หรือก.ล.ต.ว่า ทางบริษัทได้ลงทุนในบิตคอยน์คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมี.ค.
วงเงินดังกล่าวสูงกว่าระดับ 1,500 ล้านดอลลาร์ที่เทสลาแจ้งต่อก.ล.ต.สหรัฐเมื่อวันที่ 8 ก.พ.
-- บริษัทยัม แบรนด์ส อิงค์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท, เคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) และทาโก เบล รายงานกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 1
ทั้งนี้ ยัมเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 1.07 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.87 ดอลลาร์/หุ้น
-- บริษัทโบอิ้งเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 1 โดยบริษัทประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 6 ไตรมาส จากผลกระทบของการชะลอการผลิตเครื่องบิน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 1.53 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.16 ดอลลาร์/หุ้น
-- GfK ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดของเยอรมนีเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือนพ.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ -8.8 จากระดับ -6.1 ในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- เจพีมอร์แกนซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ออกรายงานระบุว่า ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนในช่วง 100 วันแรกของการทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สูงกว่าประธานาธิบดีทุกคนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า ช่วง 100 วันแรกในการทำงานของปธน.ไบเดน ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนสูงถึงเกือบ 25% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนต่ำกว่า 15% ในช่วง 100 วันแรกในการทำงานของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเม.ย., เยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย., อียูจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564 (ประมาณการเบื้องต้น) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค.