กรุงเทพมหานคร, วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 – แลนเซสส์ (LANXESS) ผู้นำในตลาดเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษประกาศผลประกอบการของไตรมาส 3 ปีการเงิน 2019 ยังคงมีแนวโน้มที่ดี แม้จะถูกกระทบจากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจโลกบ้าง โดยผลกำไรของไตรมาสที่สามลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ส่วน EBITDA จากการดำเนินงานอยู่ที่ 267 ล้านยูโร เท่ากับลดลง 3.6% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 277 ล้านยูโร
กำไร (Earnings) ได้รับผลกระทบเชิงลบจากความต้องการในตลาดยานยนต์ที่ลดลงและยอดขายที่ลดลงของหน่วยธุรกิจสินแร่โคเมียม (chrome ore business) แต่ได้รับการชดเชยด้วยกำไรจากผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ที่มีการเติบโตอย่างมั่นคงและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐที่แข็งขึ้น ส่วน EBITDA margin อยู่ที่ 15% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 15.5%
“การที่บริษัทมีสถานะที่มั่นคงได้พิสูจน์คุณค่าของตัวมันเองอีกครั้ง โดยทำให้เราสามารถมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ภายใต้สภาวะเศษฐกิจโลกที่ค่อนข้างผันผวนนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างสูงนี้อีกต่อไป เรายังคงมองโลกในแง่ดีว่า เราจะสามารถมุ่งมั่นก้าวหน้าไปในเชิงรุกได้ตามแผนที่วางไว้ได้จนถึงสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน” กล่าวโดยคุณแมตเธียส แซกเชิร์ต (Matthias Zachert) ประธานคณะกรรมาการบริหารของ LANXESS AG
แลนเซสส์ (LANXESS) คาดว่า EBITDA จากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2019 ทั้งกลุ่มบริษัทคาดว่าEBITDA จากการดำเนินงานจะอยู่ระหว่าง 1.000 พันล้านยูโร ถึง 1.050 พันล้านยูโร (ปีก่อนอยู่ที่ 1.016 พันล้านยูโร)
ยอดขายรวมของทั้งกลุ่มในไตรมาสที่สามของปีการเงิน 2019 อยู่ที่ 1.781 พันล้านยูโรใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน รายได้สุทธิ (Net Income) ลดลง 13.8% จาก 80 ล้านยูโรเป็น 69 ล้านยูโรสาเหตุหลักมาจากค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น กำไรต่อหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญเล็กน้อยที่ 10.2% - จาก 0.88 ยูโรเป็น 0.79 ยูโรต่อหุ้น – เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ลดลงโดยเฉลี่ยหลังจากโปรแกรมซื้อคืนหุ้น (buyback program)
ปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจเคมีโลหอินทรีย์ (Organometallics business)
แลนเซสส์กำลังก้าวหน้าไปอีกขั้นในการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ของตน โดยบริษัทกำลังปรับโครงสร้างธุรกิจเคมีโลหอินทรีย์เพื่อทำให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นไปที่เฉพาะธุรกิจที่กำลังเติบโตทำกำไรได้ในอนาคต ด้วยเหตุนี้แลนเซสส์จึงลงทุนจำนวนหลายล้านยูโรไปที่โรงงานที่ตั้งในเมือง Bergkamen ประเทศเยอรมนีเพื่อขยายการผลิตเคมีโลหอินทรีย์ที่ใช้อลูมิเนียมเป็นตัวฐาน (aluminium-based organometallics) เพื่อนำมาใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการผลิตพลาสติกคุณภาพสูง ธุรกิจนี้โดดเด่นด้วยอัตรากำไรที่น่าดึงดูดและแนวโน้มการเติบโตที่ดี
นอกจากนี้ในเมือง Bergkamen แลนเซสส์ยังมีโรงงานผลิตเคมีโลหอินทรีย์ที่ใช้ดีบุกเป็นตัวฐาน (tin-based organometallics) แต่บริษัทได้ขายธุรกิจนี้ให้กับกลุ่ม PMC ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 คาดว่าการซื้อขายนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 2562 ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะไม่เปิดเผยราคาซื้อขาย แต่แลนเซสส์จะยังคงผลิตเคมีโลหอินทรีย์ที่ใช้ดีบุกเป็นตัวฐานโดยผลิตตามสัญญาของเจ้าของในอนาคตไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นปี 2564 เคมีโลหอินทรีย์ที่ใช้ดีบุกเป็นตัวฐานนั้นส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการผลิตโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC), ตัวเร่งปฏิกิริยาและการใช้งานทางเคมีขั้นกลางอื่น ๆ
“ด้วยการปรับองค์กรหน่วยธุรกิจเคมีโลหอินทรีย์ของเรา จะทำให้เรามีเสถียรภาพและผลกำไรมากขึ้น” คุณฮิวเบิร์ต ฟิงค์ (Hubert Fink) สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ LANXESS AG กล่าว “ในเวลาเดียวกันเราเชื่อมั่นว่าธุรกิจเคมีโลหอินทรีย์ที่มีดีบุกเป็นตัวฐานจะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ภายใต้เจ้าของใหม่”
หน่วยธุรกิจเคมีโลหอินทรีย์เป็นส่วนหนึ่งของ<strong>กลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง</strong> <strong>(Advanced Intermediates)</strong>
<strong>ไตรมาสที่ </strong><strong>3 </strong><strong>ของปีการเงิน </strong><strong>2019 </strong>: <strong>3 </strong><strong>ใน </strong><strong>4 </strong><strong>กลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น</strong>
กลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) สามารถทำผลการดำเนินงานได้ดีในไตรมาสที่สามเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนใหญ่เป็นผลเนื่องมาจากการโครงการธุรกิจที่ดีในเมือง Saltigo ผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลในเชิงบวกเช่นกัน แม้จะได้รับผลกระทบเชิงราคาด้านลบจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง แต่ยอดขายกลับเพิ่มสูงขึ้น 2.8% ที่ 549 ล้านยูโรเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีมูลค่า 534 ล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.3% จาก 87 ล้านยูโรเป็น 89 ล้านยูโร และ EDITDA marginยังคงทรงตัวที่ 16.2%
แม้ความต้องการจากอุตสาหกรรมยานยนต์จะลดลงและมีการยกเลิกสัญญาการผลิตตามคำสั่งผลิตที่สามารถยกเลิกได้เมื่ออัตรากำไรลดลงต่ำมาก (marginal-dilutive toll manufacturing contracts) แต่กลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งชนิดพิเศษ (Specialty Additives) กลับมีผลดำเนินงานเป็นบวกในไตรมาสที่สาม เป็นผลมาจากการได้เปรียบในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและยอดขายของธุรกิจที่แข็งแกร่งในหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งโพลิเมอร์ ยอดขายอยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนที่ 503 ล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.3% เป็น 97 ล้านยูโรเมื่อเทียบกับ 93 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 19.3% จาก 18.5% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มธุรกิจสารเคมีประสิทธิภาพสูง (Performance Chemicals) มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่าในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับในไตรมาสก่อนหน้า หน่วยธุรกิจนี้มีผลิตภัณฑ์ด้านการบำบัดน้ำและผลิตภัณฑ์การป้องกันวัสดุที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นบวก แม้ยอดขายของธุรกิจสินแร่โครเมียมที่อ่อนแอลงในหน่วยธุรกิจเครื่องหนังยังคงส่งผลกระทบในทางลบอย่างต่อเนื่อง แต่ยอดขายรวมทั้งกลุ่มกลับเพิ่มขึ้น 6.0 % จาก 334 ล้านยูโรเป็น 354 ล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานอยู่ที่ 56 ล้านยูโร ซึ่งอยู่ที่ 5.7% สูงกว่าตัวเลขในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (53 ล้านยูโร) และ EBITDA margin จากการดำเนินงานยังคงทรงตัวที่ 15.8%
กลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering materials) ยอดขายและกำไรยังคงได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงจากอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ยอดขายยังได้รับผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงเนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลง แม้จะมีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้เปรียบ ยอดขายรวมกลับลดลง 10.4% จาก 394 ล้านยูโรเป็น 353 ล้านยูโร EBITDA จาการดำเนินงานอยู่ที่ 59 ล้านยูโรลดลง 15.7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่ได้ 70 ล้านยูโร และ EBITDA margin อยู่ที่ 16.7% ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 17.8%
ตารางผลการดำเนินงานเปรียบเทียบ
ล้านยูโร | Q3 2018 | Q3 2019 | เปลี่ยนแปลง % | 9 เดือน 2018 | 9 เดือน 2019 | เปลี่ยนแปลง % |
ยอดขาย | 1,786 | 1,781 | -0.3 | 5,431 | 5,413 | -0.3 |
EBITA จากการดำเนินงาน | 277 | 267 | -3.6 | 837 | 828 | -1.1 |
EBITDA margin จากการดำเนินงาน | 15.5% | 15.0% | 15.4% | 15.3% | ||
กำไรสุทธิ (1) | 80 | 69 | -13.8 | 258 | 253 | -1.9 |
กำไรต่อหุ้น (ยูโร) (1) | 0.88 | 0.79 | -10.2 | 2.82 | 2.85 | 1.1 |
หนี้สินทางการเงินสุทธิ (2) | 1,381 (3) | 1,786 | 29.3 | |||
พนักงาน | 15,441 (3) | 15,504 | 0.4 |
(1)ข้อมูลของปีก่อนมาจากผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
(2) คำนวนหลังหักเงินฝากประจำและหลักทรัพย์เผื่อขาย
(3) ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแลนเซสส์
แลนเซสส์เป็นบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมสารเคมีชนิดพิเศษ (specialty chemicals) มียอดรายได้รวมกว่า 7.2 พันล้านยูโรในปี พ.ศ. 2561 และมีพนักงาน 15,500 คนอยู่ใน 33 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานทั่วโลกถึง 60 แห่ง ธุรกิจหลักของแลนเซสส์ คือการพัฒนา การผลิต และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต (chemical intermediates) เคมีภัณฑ์เติมแต่ง (additives chemicals) ผลิตภัณฑ์สารเคมีชนิดพิเศษ (specialty chemicals) และพลาสติก แลนเซสส์เป็นบริษัทที่อยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ที่ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI World) และ FTSE4Good
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lanxess.com