Access Switch ที่ดีจะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่สะดุดติดขัด ผู้ใช้งานทำการเชื่อมต่อเครือข่ายได้ด้วยประสบการณ์ที่ดี และเปิดรับต่อนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องลงทุนอัปเกรดระบบเครือข่ายบ่อยๆ ในบทความนี้เราก็จะพาทุกท่านไปรู้จักกับปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกใช้ Access Switch ที่ดี และแนะนำความสามารถอันโดดเด่นที่มีเฉพาะใน Aruba CX Series ซึ่งเป็น Access Switch มากความสามารถจาก Aruba กันครับ
จะอัปเกรด Access Switch ในองค์กร ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
สำหรับองค์กรธุรกิจนั้น การเลือก Access Switch ที่ดีจะช่วยให้องค์กรธุรกิจไม่ต้องทำการอัปเกรดเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เครือข่ายบ่อย และสามารถต่อยอดระบบเครือข่ายเพื่อสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า โดยสำหรับปี 2021 นี้ 3 ปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกใช้ Access Switch จะมีด้วยกันดังนี้
- ต้องรองรับ WiFi 6 และอุปกรณ์ IoT ได้ เพื่อให้ Switch ชุดนี้สามารถรองรับระบบเครือข่ายได้ต่อเนื่องยาวนานอีกหลายปี และธุรกิจสามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้งานได้อย่างอิสระตามต้องการ
- ต้องติดตั้งและดูแลรักษาได้ง่าย รองรับการทำ Automation เพื่อลดภาระในการดูแลรักษาระบบเครือข่ายของผู้ดูแลระบบลง
- มีความสามารถในการทำ Network Analytics เชิงลึก เพื่อให้สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่ายที่นับวันจะยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในยุคของ Edge Computing
สำหรับ Aruba นั้น Aruba CX Series คืออุปกรณ์ Access Switch ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับโลกในยุค Edge-to-Core-to-Cloud ได้อย่างเต็มตัว และมีความสามารถทั้งสามประการข้างต้นอย่างครบถ้วน เพื่อให้องค์กรธุรกิจสามารถเลือกใช้เพื่ออัปเกรดระบบเครือข่ายและรองรับต่อนวัตกรรมแห่งอนาคตได้ทันที
6 ความสามารถเด่นของ Access Switch ในตระกูล Aruba CX Series
ไม่เพียงแต่ความสามารถพื้นฐานเพื่อรองรับนวัตกรรมอันหลากหลายและการออกแบบระบบ Edge Networking ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ Aruba CX Series ยังมาพร้อมกับความสามารถที่โดดเด่นไม่เหมือนใครอีก 6 ประการ ดังนี้
1.Always-on PoE (Power over Ethernet)
โดยทั่วไปแล้วถึงแม้อุปกรณ์ Switch มักจะถูกเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา ทำให้อุปกรณ์ IoT, Access Point หรือกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อและรับพลังงานผ่าน PoE นั้นทำงานได้อยู่ตลอด แต่เมื่ออุปกรณ์ต้องมีการอัปเกรด Firmware และ Restart การจ่ายพลังงานเหล่านี้ก็มักจะขาดช่วง และทำให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่เหล่านี้ต้องหยุดการทำงานไปชั่วขณะ
ความสามารถ Always-on PoE บน Aruba CX Series นี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นนี้โดยเฉพาะ ด้วยการที่อุปกรณ์ Switch จะยังคงจ่ายพลังงานผ่าน PoE อยู่ได้ตลอดช่วงเวลาที่มีการอัปเกรด Firmware และ Restart อุปกรณ์นั่นเอง
2.VRF (Virtual Routing and Forwarding)
ในการออกแบบระบบเครือข่ายที่มีความซับซ้อนสูง การทำ VRF ถือเป็นความสามารถสำคัญที่จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถออกแบบระบบเครือข่ายให้ทำงานได้ตามต้องการโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับการทำ Routing หลายชุด และความสามารถนี้ก็ถูกรวมอยู่ใน Aruba CX Series ด้วยแล้ว ตามการร้องขอจากผู้ใช้งาน Aruba ทั่วโลก
3.VXLAN with MP-BGP EVPN
การทำ Network Segmentation นั้นถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับระบบเครือข่ายทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น Campus Network หรือ Data Center Network ก็ตาม และ Aruba CX Series ก็รองรับการทำ VXLAN with MP-BGP EVPN ได้ ทำให้การทำ Network Segmentation นี้สามารถใช้เทคนิคเดียวกันได้ทั้งระบบเครือข่าย ทำให้การออกแบบและดูแลรักษาระบบเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่เป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
4.VSX (Virtual Switching Extension) Live Upgrades
สำหรับผู้ใช้งาน Aruba CX Series นั้นก็คงจะคุ้นเคยกับการทำ VSX ที่ใช้อุปกรณ์ Switch สองชุดมาทำงานร่วมกันเพื่อให้ระบบมี High Availability ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว แต่ Aruba นั้นได้อัปเกรดเทคโนโลยีนี้ให้เหนือล้ำขึ้นไปอีกด้วยการเสริมความสามารถ Live Upgrade เข้าไป ทำให้ Switch คู่ที่ทำ VSX ร่วมกันนี้สามารถทำการอัปเกรด Software ได้โดยไม่มี Downtime แบบอัตโนมัติ ในขณะที่ผู้ใช้งานภายในเครือข่ายจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
5.Dynamic Segmentation
สำหรับระบบเครือข่ายที่มีการใช้งานทั้ง Aruba CX Series และ Mobility Controller ของ Aruba จะสามารถเปิดใช้ความสามารถ Dynamic Segmentation นี้ได้ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดนโยบายในการเข้าถึงและใช้งานเครือข่ายได้ในแบบรวมศูนย์ และผู้ใช้งานเครือข่ายจะได้รับ Network Policy เดียวกันเสมอไม่ว่าจะทำการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน LAN หรือ Wireless LAN ก็ตาม
6.One Touch Switch Provisioning
อีกหนึ่งความสามารถที่เป็นประโยชน์ทั้งสำหรับผู้ดูแลระบบเครือข่ายมือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์ Aruba CX Series นี้สามารถทำการติดตั้งใช้งานครั้งแรกได้อย่างง่ายดายผ่าน Mobile Application ที่มีชื่อว่า Aruba CX ทำให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายไม่ต้องใช้ CLI อีกต่อไป อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบการทำงานและการตั้งค่าของอุปกรณ์เครือข่ายได้ผ่าน Mobile Application เดียวกันนี้อีกด้วย
สนใจโซลูชันของ Aruba ติดต่อทีมงาน Aruba ประจำประเทศไทยได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน Switch, WiFi และ Network Security ของ Aruba สามารถติดต่อทีมงาน Aruba ในประเทศไทยได้โดยตรงทันทีที่คู่ต้าของเรา บริษัท IT Green จำกัด 02-126-3456 หรือ sales@itgreen.co.th / บริษัท SIS จำกัด 02-020-3000 หรือ sis@sisthai.com / บริษัท VSTECS (ประเทศไทย) จำกัด 02-032-9999 หรือ pr@vstecs.co.th หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Aruba ได้ที่ https://www.arubanetworks.com/