ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมาเอี่ยมโชติชวลิตผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.)และ รศ. ดร. ศรินทร์ทิพย์ แทนธานีรักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ งานวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ผลักดันให้เกิดการนำผลงาน ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากงานวิจัยไปสู่กิจกรรมด้านบริการวิชาการ ต่อยอดการใช้ประโยชน์ทั้งเชิงพาณิชย์ เชิงนโยบายและเชิงสาธารณะ สู่การนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจของประเทศ โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปีโอกาสนี้ ดร.อาภากรสุปัญญารองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว.ดร.พัชทรามณีสินธุ์รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว.และ รศ.ดร.กรองกาญจน์ชูทิพย์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยผู้บริหาร บุคลากร ทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติและเยี่ยมชมโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ของ วว. ดังนี้ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม (ICPIM)ศูนย์ความเลิศด้านสาหร่าย (ALEC) สายการผลิตอาหารแปรรูปโรงงานบริการนวัตกรรมอาหาร (FISP) และห้องปฏิบัติการทดสอบการสลายตัวทางชีวภาพของวัสดุ (BioD)เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร Admin วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี
ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมาเอี่ยมโชติชวลิตผู้ว่าการ วว. กล่าวว่าวว. และมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวง อว.ซึ่งมีความร่วมมือด้านการศึกษาและพัฒนางานวิจัยการวิเคราะห์ทดสอบและการพัฒนาบุคลากร นิสิตและนักศึกษาระหว่างสองหน่วยงาน มาแล้วในปัจจุบันยังคงมีภารกิจที่คล้ายกันคลึงกันหลากหลายด้าน โดยเฉพาะงานด้านวิจัยและพัฒนาที่เน้นการพัฒนาและยกระดับความสามารถผู้ประกอบการไทยซึ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของภาคเหนือโดยวางวิสัยทัศน์ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ (University for Entrepreneurial Society)ซึ่งตรงกับ วว. ที่มุ่งการพัฒนางานวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานให้สอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อตอบโจทย์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพิ่มมากขึ้น คือ การสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs และชุมชน ผ่านระบบนิเวศนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อย่างยั่งยืน (Strengthening SMEs and communities through an innovationscience and technology ecosystem for sustainability)
ทั้งนี้ทั้งสองหน่วยงานจะมุ่งพัฒนาความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนี้ 1) เพื่อร่วมกันส่งเสริม พัฒนาองค์ความรู้ งานวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรม นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจของประเทศ 2) ร่วมกันใช้ประโยชน์ในเรื่อง ทรัพยากรและความสามารถตามภารกิจหลักของทั้งสองหน่วยงาน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การสนับสนุนการใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน 3) ร่วมกันใช้ความรู้ความสามารถ และองค์ความรู้ทางงานวิจัยของทั้งสองหน่วยงานนำมา สนับสนุนการพัฒนา และวิจัยของหน่วยงานภาคเอกชน ชุมชน และหน่วยงานของรัฐ เพื่อบูรณการการทำงานและลดข้อจำกัดด้านงบประมาณและกำลังคนร่วมกัน และ 4) ร่วมกันพัฒนางานวิจัยคุณภาพสูง (Advance technology) เพื่อสนับสนุนงานด้านวิชาการ และภาคธุรกิจ รวมทั้งภาคอุตสาหกรรม
“...ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมดำเนินงานอันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาประเทศไทยในอนาคตเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อน พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่ออย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับการเยี่ยมชมหน่วยที่ให้บริการลูกค้าในระดับมาตรฐานสากลของ วว. ได้แก่ICPIM,ALEC, FISP และ BioD ที่สามารถวิจัยและพัฒนาผู้ประกอบการที่มาขอรับบริการ ให้ก้าวเข้าสู่การค้าขายกับตลาดโลกได้โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานและการบริการดังกล่าว ความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานและการเยี่ยมชมในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดีในการสร้าง idea และ prototype ด้านงานวิจัยควบคู่กับการพัฒนาผู้ประกอบการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมในระยะเวลาอันใกล้...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
นำเสนอข่าวโดย กองประชาสัมพันธ์ สำนักสื่อสารองค์กร วว. โทร. 0 2577 9360 E-mail : pr@tistr.or.thLine@TISTR IG : tistr_ig