สถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด ซึ่งในประเทศไทยยังพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกวันนี้ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะเห็นผู้คนใส่หน้ากากอนามัยกันเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นหนึ่งวิธีในการป้องกันตัวเองเบื้องต้น ส่งผลให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน และเริ่มมีการทำหน้ากากผ้าออกมาจำหน่ายแทน โดยใช้ชนิดของผ้าที่แตกต่างกัน หรือบางคนก็ทำใช้เองเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาขยะหน้ากากอนามัยที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ได้
แพทย์หญิงศุภรัตนา คุณานุสนธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยส่งผลทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้หน้ากากผ้าเป็นหน้ากากทางเลือกมากขึ้นเนื่องจากหน้ากากอนามัยทั่วไปจะแนะนำให้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่หน้ากากผ้าสามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งหน้ากากอนามัยที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือ 1.ป้องกันน้ำผ่านได้ไม่เกิน 10% 2.ป้องกันอนุภาคขนาด 3 ไมครอน ได้อย่างน้อย 95% 3.ใส่กระชับใบหน้าจึงควรมีให้เลือกหลายขนาดให้เหมาะสมกับผู้สวมใส่ตามเพศและวัย 4.ใส่แล้วยังหายใจได้ไม่อึดอัดเกินไป หน้ากากผ้าที่มีคุณสมบัติครบตามที่กล่าว ผ้าที่ใช้ได้ดีและเริ่มมีการพูดถึงกันคือ หน้ากากผ้าฝังนาโนซิงค์ออกไซด์พร้อมผ้าเคลือบเทฟลอน ด้วยคุณสมบัติของการกันน้ำได้ของผ้าที่เคลือบเทฟลอนว่าไม่ซึมน้ำ จึงเป็นที่น่าสนใจมากกว่าผ้าดิบ หรือผ้ามัสลิน บวกกับผ้าทอฝังเส้นใยนาโนซิงค์ออกไซด์ที่กรองอนุภาคขนาดเล็กได้ ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าป้องกันอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอนได้ถึง 70% จึงมั่นใจได้ว่าหน้ากากผ้าชนิดนี้จะช่วยป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ดี เพราะไวรัสโควิด-19 มีอนุภาคขนาดประมาณ 0.12 ไมครอน จะแฝงมากับสารคัดหลั่งพวกน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ซึ่งมีขนาดทั่วไปประมาณ 1-5 ไมครอน อีกทั้งหน้ากากชนิดนี้สามารถต้านเชื้อไวรัส และกันฝุ่น PM 2.5 ได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดเพราะสามารถนำมาซักและใช้ซ้ำได้หลายครั้ง จึงถือว่าสมประโยชน์และคุ้มค่า ลดความสิ้นเปลือง ลดขยะ คือไม่เพียงรักษาชีวิตคนเท่านั้น ยังรักษาโลกไปพร้อมๆ กันด้วย
“แนะนำให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการเลือกหน้ากากจากแหล่งผู้ขายที่มีความน่าเชื่อถือ และมีข้อมูลยืนยันการทดสอบประสิทธิภาพจริง เพื่อให้ได้หน้ากากที่มีคุณสมบัติในการป้องกัน ยับยั้งฝุ่นและเชื้อโรคที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ป้องกันได้จริง และไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ” แพทย์หญิงศุภรัตนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม การใส่หน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ 100% ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพและการเลือกใช้วัสดุ รวมถึงวิธีการใช้อย่างถูกต้องของผู้ใช้ด้วย การใส่หน้ากากอนามัยจึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสจากการไอหรือจามในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้ยังมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้