แพทย์ชี้น้ำหนักเกินอาจเสี่ยงมะเร็งเต้านม

สุขภาพ

แพทย์ชี้น้ำหนักเกินอาจเสี่ยงมะเร็งเต้านม

แนะหญิงไทยเช็คความเสี่ยง หมั่นตรวจเต้านมทุกปี

ในงาน “มะเร็งเต้านม รู้ไว หายทัน : Pink Alert - Check & Share Project 2021”


เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย ร่วมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ พร้อมอัพเดทสถานการณ์โรคมะเร็งเต้านมในปัจจุบัน ในงานเสวนาออนไลน์ “มะเร็งเต้านม รู้ไว หายทัน : Pink Alert - Check & Share Project 2021” เนื่องจากมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่มีอุบัติการณ์ในผู้หญิงไทยสูงเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องมาหลายปี โดยปัจจัยเสี่ยงประการหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านม ซึ่งหลายคนอาจนึกไม่ถึงคือ ภาวะโรคอ้วนน้ำหนักเกิน (ค่าดัชนีมวลกายเกิน 23) นอกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยาและพยาธิวิทยาแล้ว ภายในงานยังมีแขกรับเชิญพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคุณปันปัน - เต็มฟ้า กฤษณายุธ นักแสดงสาวที่ผ่านประสบการณ์ดูแลคุณแม่แหวน - ฐิติมา สุตสุนทร, คุณเมี่ยง –ทักษิณา รัตนศักดิ์ อดีตผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และเจ้าของเพจ ‘แมวนมเดียว’ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ตรงของการพบก้อนในเต้านมจากการตรวจแมมโมแกรม, ผู้เชียวชาญด้านชุดชั้นในจาก “วาโก้” ที่มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีคลำเต้านมเพื่อคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้นด้วยตนเองและวิธีเลือกชุดชั้นในเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วย และปิดท้ายด้วย พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ที่มาให้ข้อคิดและมมุมองการรับมือกับมะเร็งด้วยสติ งานดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผู้ดูแล และประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก


พลโท รศ. นพ. วิชัย วาสนสิริ นายกสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย หัวหน้าศูนย์มะเร็งเต้านม รพ.จุฬาภรณ์และที่ปรึกษาหน่วยศัลยศาสตร์มะเร็ง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า “ผู้หญิงไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมสูงเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งในตำแหน่งอื่นๆ ทั้งยังมีแนวโน้มว่าอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมในผู้หญิงไทยอาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้สาเหตุการเกิดมะเร็งเต้านมจะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญด้วยกันหลายประการ เช่นอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือมีระยะเวลาที่ร่างกายสัมผัสกับฮอร์โมนเอสโตรเจนนาน เช่น เริ่มมีรอบเดือนก่อนอายุ 12 ปีและหมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี, ไม่มีบุตร, มีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี, ไม่ได้ให้นมบุตรด้วยตนเอง เป็นต้น ส่วนผู้ที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นญาติสายตรง เช่น แม่ หรือพี่น้อง ความเสี่ยงที่จะพบมะเร็งเต้านมก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ความเสี่ยงยังอาจมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีไขมันสูงและเนื้อแดง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะน้ำหนักเกิน สถิติเผยว่าในผู้หญิงที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 23 มีแนวโน้มที่ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมจะเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับผู้หญิงน้ำหนักปกติ (ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 18.50 - 22.90) เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนก่อนวัยหมดประจำเดือนในผู้หญิงน้ำหนักเกิน อาจเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ในเต้านม ดังนั้น หากมีปัจจัยเสี่ยงตามที่กล่าวมาข้างต้น ก็ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งหมั่นคลำเต้านมหรือตรวจแมมโมแกรม 1-2 ปีครั้ง เพราะมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่หากวินิจฉัยเจอตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะรอดชีวิตสูง”

นพ.กรุณย์พงษ์ เอี่ยมเพ็ญแข พยาธิแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวเสริมถึงการตรวจหาก้อนเนื้อที่อาจกลายเป็นมะเร็งเต้านมว่า “การตรวจเต้านมแม้จะสามารถทำได้โดยการคลำด้วยตนเองหรือโดยบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งการตรวจแมมโมแกรม ซึ่งมีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงกว่ามาก เพราะสามารถพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ก้อนในเต้านมยังมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะคลำพบด้วยมือ แต่การยืนยันว่าก้อนนั้นเป็นมะเร็งหรือไม่ จำเป็นต้องเจาะเนื้อเยื่อบางส่วนไปตรวจทางพยาธิวิทยาและแปลผลสิ่งผิดปกติอย่างละเอียด ดังนั้นการคลำหรือพบก้อนจากการทำแมมโมแกรม ไม่ได้แปลว่าเป็นก้อนมะเร็งเสมอไป รวมทั้งแม้จะพบก้อนเพียงเล็กน้อยจากผลแมมโมแกรม แต่หากผลตรวจทางพยาธิวิทยายืนยันว่าเป็นก้อนมะเร็ง ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เช่นกัน จึงขอย้ำว่าการตรวจเต้านมเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เจอก้อนเร็ว และหากพบความผิดปกติ ก็อย่ากลัวหรือชะล่าใจว่าคงไม่ร้ายแรงอะไร แต่ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาให้ถูกต้องตามชนิดของโรค ก็จะได้ผลการรักษาดีที่สุด”

สำหรับความก้าวหน้าด้านการรักษามะเร็งเต้านม ผศ.นพ.ไนยรัฐ ประสงค์สุข อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ให้ข้อมูลว่า “ทุกวันนี้ นวัตกรรมทางการแพทย์พัฒนาไปอย่างมาก รวมทั้งมียามุ่งเป้า (targeted therapy) ชนิดใหม่ที่ผูกติดกับยาเคมีบำบัดด้วย ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีผลการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิดที่มียีน HER2 เป็นบวก การได้รับยามุ่งเป้าชนิดเดิมร่วมกับยาเคมีบำบัดมอบประสิทธิภาพการรักษาดีอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจมีเซลล์มะเร็งหลงเหลือหลังผ่าตัด หรือเกิดการกลับมาของโรค แพทย์จึงจำเป็นต้องปรับยา โดยยามุ่งเป้าชนิดใหม่ๆ นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการรักษาที่มีส่วนทำให้อัตราการตอบสนองต่อการรักษาดีขึ้น มีอัตราการรอดชีวิตยาวนานขึ้น โดยยามุ่งเป้าชนิดใหม่นี้สามารถใช้ได้ทั้งกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นและระยะแพร่กระจาย โดยพบว่าผลการรักษามีแนวโน้มเป็นที่น่าพึงพอใจ กล่าวคือ ลดความเสี่ยงที่เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ลดขนาดของก้อนมะเร็ง ลดโอกาสที่มะเร็งจะกลับมาเป็นซ้ำหลังการผ่าตัด ลดแนวโน้มการเกิดอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการหายขาดของโรคมะเร็งเต้านมได้ในผู้ป่วยบางราย และอาจไม่ต้องสูญเสียเต้านมไป”

นอกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ นักแสดงสาว ยังให้เกียรติมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษ ในฐานะผู้ดูแลคุณแม่ คุณแหวน-ฐิติมา สุตสุนทร ซึ่งจากไปด้วยโรคมะเร็ง “คุณแม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ระยะที่ 3 ในวัย 50 กว่าปี เมื่อมองย้อนกลับไปรู้สึกว่าเข้ารับการรักษาช้า และคิดว่าถ้าหากคุณแม่ตรวจเจอเร็วกว่านี้ รวมถึงเริ่มต้นการรักษาอย่างทันท่วงที ก็น่าจะช่วยให้คุณแม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ ตอนที่คุณแม่ป่วยและด้วยความที่เรายังเป็นเด็ก จึงทำได้เพียงคอยอยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจ และบอกให้คุณแม่มองโลกในแง่ดี ทุกวันนี้แม้ว่าคุณแม่จะจากไปแล้วก็ตาม ปันปันยังรู้สึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องทำให้คุณแม่ภูมิใจในลูกคนนี้ให้ได้ ส่วนการดูแลตนเองด้านสุขภาพ นอกจากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว เนื่องจากมีประวัติการเกิดมะเร็งเต้านมของคุณแม่ ปันปันจึงหมั่นตรวจเต้านมอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งคอยเป็นกระบอกเสียงเพื่อกระตุ้นเตือนคนรอบตัวให้หมั่นคัดกรองความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมด้วยค่ะ เพราะตระหนักดีว่ายิ่งรู้เร็ว เริ่มรักษาไว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสรักษาให้หายได้”

แขกรับเชิญพิเศษอีกท่านหนึ่งที่ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ในงาน คือ คุณเมี่ยง –ทักษิณา รัตนศักดิ์ อดีตผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและเจ้าของเพจ ‘แมวนมเดียว’ กล่าวว่า “เมี่ยงไม่มีอาการอะไรก่อนเลย คลำไม่มีก้อน แต่เมื่อปลายปี 2561 ได้ไปตรวจร่างกายประจำปีตามปกติ ซึ่งมีการตรวจแมมโมแกรมด้วย แต่จากการอ่านผลกลับพบลักษณะของหินปูน บางอย่างที่ดูแปลกๆ คือมีหินปูนขนาดเล็กกระจุกตัวอยู่ตามท่อน้ำนม มองเห็นเหมือนรากไม้ แพทย์จึงแนะนำให้มาตรวจและติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุก 6 เดือน พร้อมทั้งแนะนำว่าควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านมะเร็งเต้านม หลังจากนั้นก็ได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่าหินปูนขนาดเล็กที่พบเป็นมะเร็งแน่นอน ทั้งนี้ เพื่อให้ระบุได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นมะเร็งชนิดใด แพทย์จึงต้องผ่าตัดเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจวิเคราะห์เพิ่ม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการรักษาต่อไป”

“เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา ตอนแรกพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคและการรักษาทางอินเตอร์เน็ต แต่มักพบข้อมูลทั่วๆ ไป เช่น มะเร็งคืออะไร มะเร็งเกิดกับอวัยวะใดได้บ้าง มะเร็งแบ่งเป็นกี่ระยะ ถ้าไม่เช่นนั้นก็มักเจอข้อความเชิงลบ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย เมี่ยงจึงคิดว่าเราต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันและเปลี่ยนความคิด โดยหันมาค้นหาเรื่องราวของผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่ต่อสู้และเอาชนะโรคมะเร็งเต้านมได้สำเร็จแทน และเราก็เจอ cancer survival ที่เข้มแข็งเยอะมาก ทำให้รู้สึกอุ่นใจ มีความหวังมากขึ้น และตระหนักได้ว่าการเป็นมะเร็งไม่ได้แปลว่าจะต้องเสียชีวิตเสมอไป มะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านม หากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว ย่อมมีโอกาสสูงที่จะไม่ต้องสูญเสียเต้านมและรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ส่วนกรณีของเมี่ยงนั้นโชคดีที่เจอเร็ว แต่เซลล์มะเร็งกระจายตัวตามท่อน้ำนม จึงไม่มีขอบเขตหรือรูปทรงที่แน่ชัด จนไม่สามารถผ่าตัดแบบสงวนเต้าได้ ทำให้เป็นที่มาของชื่อเพจ แมวนมเดียว ” คุณเมี่ยง กล่าวเสริม

ปิดท้ายด้วยข้อคิดการรับมือกับมะเร็งด้วยสติ จาก พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรณรรงค์และสร้างความตระหนักต่อภัยของมะเร็งเต้านม สามารถติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/PinkAlertProject รวมทั้งทำแบบทดสอบเพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมเบื้องต้นด้วยตนเอง ได้ฟรีทาง https://herwill.wellcancer.com/

  • ผู้โพสต์ :
    tanitha
  • อัพเดทเมื่อ :
    16 พ.ย. 2021 11:17:52

ลงข่าวประชาสัมพันธ์ ฟรี คลิกที่นี่

 

X

เว็บไซต์เรามีการใช้คุกกี้ คลิกเพื่อดู นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา